ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และผู้นำ คิม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือ ลงนามในข้อตกลงว่าด้วยการป้องกันร่วม หนึ่งในความเคลื่อนไหวที่น่าจับตามองที่สุดของรัสเซียในเอเชียในรอบหลายปี ขณะที่ผู้นำโสมแดงชี้ว่าข้อตกลงนี้เทียบเท่ากับการตั้ง “กลุ่มพันธมิตร” (alliance)
คำมั่นสัญญาของ ปูติน ถือเป็นการพลิกนโยบายของรัสเซียยุคหลังสหภาพโซเวียตที่มีต่อเกาหลีเหนือ ขณะที่สหรัฐฯ และพันธมิตรในเอเชียยังคงเฝ้าจับตาว่ามอสโกจะให้การสนับสนุนถึงขั้นไหนแก่เกาหลีเหนือ ซึ่งถือเป็นชาติเดียวในโลกที่มีการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ในช่วงศตวรรษนี้
ระหว่างการเยือนเปียงยางครั้งแรกในรอบ 24 ปี ปูติน ยอมรับแบบไม่อ้อมค้อมว่าการกระชับสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือครั้งนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการที่พวกชาติตะวันตกแห่แหนสนับสนุนยูเครน พร้อมแย้มว่ามอสโกกับเปียงยางอาจยกระดับความร่วมมือในทางเทคนิคและด้านการทหาร
ภายหลังการหารือ ผู้นำทั้งสองได้ลงนาม “ข้อตกลงความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์แบบครอบคลุม (comprehensive strategic partnership)” ซึ่ง ปูติน เปิดเผยว่ายังรวมถึงข้อความที่ระบุถึง “การป้องกันร่วม” (mutual defense) ในกรณีที่ชาติใดชาติหนึ่งถูกรุกราน
“ข้อตกลงความเป็นหุ้นส่วนแบบครอบคลุมที่ลงนามกันในวันนี้ นอกจากประเด็นอื่นๆ แล้ว ยังเป็นการให้สัญญามอบความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกรุกราน” ปูติน กล่าว
ผู้นำหมีขาวยังระบุด้วยว่า การที่ชาติตะวันตกส่งมอบอาวุธพิสัยไกล รวมถึงเครื่องบินขับไล่ F-16 ให้ยูเครนเพื่อนำมาใช้โจมตีดินแดนรัสเซีย ถือว่าละเมิดข้อตกลงหลักๆ หลายประการ
“เมื่อเป็นเช่นนี้ รัสเซียจึงไม่ปิดโอกาสที่จะพัฒนาความร่วมมือด้านเทคนิคและการทหารกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี” ปูติน กล่าว
ในส่วนของ คิม จองอึน ก็เอ่ยปากชมเชย ปูติน ที่ตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญในการสนับสนุนเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นรัฐคอมมิวนิสต์ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1948 ภายใต้การสนับสนุนของสหภาพโซเวียต
เนื้อความในข้อตกลงฉบับเต็มไม่ได้ถูกเปิดเผย แต่นักวิเคราะห์ก็เชื่อว่านี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนสมดุลเชิงยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีรัสเซียประกาศตัวเป็นชาติที่หนุนหลังเกาหลีเหนืออย่างโจ่งแจ้ง ในขณะที่สหรัฐฯ ให้การสนับสนุนเกาหลีใต้
แม้เกาหลีเหนือจะมีข้อตกลงกลาโหมกับจีนเช่นกัน ทว่ายังไม่ถึงขั้นประกาศความร่วมมือทางทหารเชิงรุกกับปักกิ่งเหมือนเช่นที่ทำกับรัสเซียในช่วงปีที่ผ่านมา
จีนซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่ให้การช่วยเหลือโสมแดงทั้งในทางเศรษฐกิจและการเมือง ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น
เยน สโตลเตนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ออกมาระบุวานนี้ (19) ว่า เกาหลีเหนือได้ “มอบเครื่องกระสุนจำนวนมากมาย” ให้แก่รัสเซีย ขณะที่จีนและอิหร่านก็มีส่วนสนับสนุนปฏิบัติการทางทหารของมอสโกในยูเครน
“เราจำเป็นต้องตระหนักว่า มหาอำนาจเผด็จการเหล่านี้กำลังจับมือกับแน่นขึ้น พวกเขาสนับสนุนซึ่งกันและกันในรูปแบบที่เราไม่เคยพบเจอมาก่อน” สโตลเตนเบิร์ก กล่าวระหว่างเยือนกรุงออตตาวาของแคนาดา
“เมื่อระบอบเผด็จการอย่างเกาหลีเหนือ จีน อิหร่าน และรัสเซีย ร่วมมือกันมากขึ้นเรื่อยๆ ก็เป็นสิ่งสำคัญที่พวกเราจะต้องจับมือกันในฐานะประเทศที่เชื่อในหลักเสรีภาพและประชาธิปไตย”
การที่ ปูติน พยายาม “จีบ” คิม จองอึน มาเป็นพวกด้วยการปรนเปรอของขวัญราคาแพงอย่างรถลิมูซีนหรู และเชิญไปทัวร์ศูนย์อวกาศแห่งใหม่ของรัสเซียเมื่อปีที่แล้ว เป็นความเคลื่อนไหวที่สร้างความกังวลต่อสหรัฐฯ และพันธมิตรในเอเชีย
“ความร่วมมือที่แน่นแฟ้นระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนือเป็นเทรนด์ที่น่ากังวลสำหรับทุกฝ่ายที่สนับสนุนสันติภาพและเสถียรภาพบนคาบสมุทรเกาหลี ยึดมั่นในหลักการไม่แพร่กระจายอาวุธ ปฏิบัติตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น และสนับสนุนประชาชนชาวยูเครน” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุ
ที่มา : รอยเตอร์
