เอพี/เอเจนซีส์ - สหรัฐฯ ออกแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ (17 มิ.ย.) ประณามปักกิ่งในเหตุการณ์เรือยามฝั่งจีนชนกันกับเรือส่งเสบียงฟิลิปปินส์ใกล้แนวสันดอนโทมัสที่ 2 จนทหารเรือฟิลิปปินส์นิ้วโป้งขาด 1 นาย ส่วนเรือเสบียงเสียหาย หลังวันเสาร์ (15 มิ.ย.) มะนิลายื่นเรื่องต่อองค์การสหประชาชาติเพื่อขอขยายไหล่ทวีปในทะเลจีนใต้ออกไป ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ เตือนหากมีคนฟิลิปปินส์ตายเท่ากับเข้าใกล้สงคราม
เอพีของสหรัฐฯ รายงานวันนี้ (18 มิ.ย.) ว่า การชนเกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นของวันจันทร์ (17) เมื่อเรือจีนซึ่งตามแถลงการณ์ของปักกิ่งระบุว่าเป็นเรือยามฝั่งได้ชนเข้ากับเรือส่งเสบียงของฟิลิปปินส์ใกล้แนวสันดอนโทมัสที่ 2 เขตพิพาทที่ทั้ง 3 ฝ่ายต่างอ้างสิทธิครอบครอง
ด้าน แมรีเคย์ คาร์ลสัน (MaryKay Carlson) เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ ออกแถลงการณ์ทางแพลตฟอร์ม X ระบุว่า สหรัฐฯ ขอประณามต่อการขับเคลื่อนที่เป็นอันตรายและก้าวร้าวที่ซึ่งส่งผลทำให้เกิดการบาดเจ็บทางร่างกายและความเสียหายต่อเรือฟิลิปปินส์ CNN ของสหรัฐฯ รายงาน
เอพีรายงานว่า ในวันอังคาร (18) สหรัฐฯ ได้ออกมาเตือนปักกิ่งอีกครั้งว่า สหรัฐฯ มีพันธสัญญาในการปกป้องฟิลิปปินส์ ซึ่งเหตุการณ์ชนครั้งนี้ทำให้ทหารฟิลิปปินส์ได้รับบาดเจ็บและเรือส่งเสบียงของฟิลิปปินส์เสียหาย
โดยสื่อฟิลิปปินส์ อินไควเรอร์รายงานว่า แหล่งข่าวทางการทหารฟิลิปปินส์วันอังคาร (18) ได้เปิดเผยว่า ทหารเรือฟิลิปปินส์ที่บาดเจ็บนั้นต้องสูญเสียนิ้วโป้งของตัวเองไปในภารกิจส่งเสบียงและสิ่งของจำเป็นไปยังแนวสันดอนโทมัสที่ 2 ในวันจันทร์ (17)
ผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ คัวร์ต แคมป์เบล (Kurt Campbell) ได้หารือทางโทรศัพท์ร่วมกับผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหมฟิลิปปินส์ มาเรีย เทเรซา ลาซาโร (Maria Theresa Lazaro) เกี่ยวกับการกระทำที่ก้าวร้าวของจีนในครั้งนี้ และทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องว่า การกระทำของปักกิ่งนั้นสั่นคลอนต่อเสถียรภาพและความสงบของภูมิภาค
เอพีชี้ว่า ฝ่ายฟิลิปปินส์ชี้ไปถึงพฤติกรรมเรือยามฝั่งจีนที่ขับเคลื่อนอย่างเป็นอันตรายรวมถึงการพุ่งชน และการลากจูง
ซึ่งในรายงานของเอเอฟพีและรอยเตอร์นั้นรายงานว่า คำแถลงของหน่วยยามชายฝั่งจีนได้ระบุว่า
เรือขนส่งและเติมเสบียงลำหนึ่งของฟิลิปปินส์เป็นฝ่ายชนเรือหน่วยยามชายฝั่งจีน หลังจากได้ล่วงล้ำเข้ามาในน่านน้ำใกล้แนวสันดอนโทมัสที่ 2 (Second Thomas Shoal) อย่างผิดกฎหมายเมื่อวันจันทร์ (17 ) โดยเพิกเฉยคำเตือนซ้ำๆ หลายครั้งของเรือหน่วยยามชายฝั่งจีน ซึ่งกำลังลาดตระเวนอยู่ในบริเวณนั้น แต่เรือฟิลิปปินส์ยังคงแล่นเข้ามาใกล้เรือหน่วยยามชายฝั่งจีนอย่างจงใจและเป็นอันตรายในลักษณะที่ไม่เป็นมืออาชีพ ส่งผลให้เกิดการชนกันเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ในการแถลงมิได้ระบุถึงการบาดเจ็บหรือความเสียหาย
และก่อนเกิดเหตุจีนเพิ่งประกาศกฎระเบียบใหม่ อนุญาตให้หน่วยยามชายฝั่งสามารถคุมขังชาวต่างชาติที่ล่วงละเมิดน่านน้ำอธิปไตยของจีนได้
กฎระเบียบใหม่นี้มีผลบังคับในวันเสาร์ (15) เป็นการบังคับใช้ภายใต้กฎหมายฉบับปี 2564 ซึ่งอนุญาตให้หน่วยยามฝั่งสามารถใช้กำลังขั้นร้ายแรงเป็นต้นว่า ยิงใส่ เพื่อจัดการกับเรือต่างชาติที่ล่วงละเมิดน่านน้ำที่จีนอ้างสิทธิได้
เอพีชี้ว่าแต่ทว่า มีรัฐบาลทั้งไต้หวัน ฟิลิปปินส์ และเวียดนามได้ออกมายืนยันว่าไม่ยอมรับกฎหมายใหม่ของจีนนี้
เหตุการณ์ชนกันใกล้แนวสันดอนโทมัสที่ 2 เกิดขึ้นหลังมะนิลาวันเสาร์ (15 มิ.ย) ยื่นเรื่องต่อองค์การสหประชาชาติเพื่อขอขยายไหล่ทวีป (continental shelf) ในทะเลจีนใต้ออกไป
เอพีชี้ว่า มะนิลาต้องการให้ UN รับรองอย่างเป็นทางการตามการร้องขอ ซึ่งฝ่ายฟิลิปปินส์ได้ยื่นเรื่องไปยังคณะกรรมาธิการของสหประชาชาติว่าด้วยขอบเขตของไหล่ทวีป (UN Commission on the Limits of the Continental Shelf-CLCS) ต่อขอบเขตสันดอนใต้ทะเล (undersea shelf) ของตัวเองในทะเลจีนใต้นอกชายฝั่งจังหวัดปาลาวัน
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ในวันศุกร์ที่ 31 พ.ค.ได้ออกมาเตือนไปยังปักกิ่งว่า การเสียชีวิตของพลเมืองฟิลิปปินส์ที่เกิดมาจากต่างชาติในเขตทะเลจีนใต้นั้นจะใกล้กับการประกาศสงคราม CNN รายงาน
เป็นการเตือนเกิดขึ้นในระหว่างการประชุมความมั่นคงแชงกรี-ลา ไดอะล็อก (Shangri-La Dialogue) ที่สิงคโปร์ ซึ่งมีประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ปรากฏตัวร่วมขึ้นเวทีปีนี้อย่างคาดไม่ถึง
ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ถูกซักถามโดยหนึ่งในผู้เข้าฟังว่า จะเกิดอะไรขึ้นหากเส้นแดงถูกข้ามถ้าฝูงเรืองยามฝั่งจีนที่มักใช้กระสุนน้ำยิงใส่เรือฟิลิปปินส์ในไม่กี่เดือนที่ผ่านมาท้ายจบลงด้วยการทำให้กะลาสีฟิลิปปินส์เสียชีวิต
และเขาตอบกลับมาว่า “หากว่ามีพลเมืองฟิลิปปินส์ถูกสังหารโดยการกระทำที่ตั้งใจ และผมคิดว่ามันคงเข้าใกล้มากๆ ต่อในสิ่งที่พวกเรานิยามถึงการก่อสงครามและดังนั้นแล้วพวกเราจะตอบโต้”
มาร์กอสกล่าวต่อว่า “และพันธมิตรตามสนธิสัญญาที่ผมเชื่อมั่นว่าจะถือมาตรฐานเดียวกัน”