จีนได้ทำการยกระดับคลังแสงนิวเคลียร์ของตนเอง รวดเร็วกว่าทุกประเทศบนโลกใบนี้ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ตามรายงานประจำปีที่เผยแพร่โดยสถาบันวิจัยสันติภาพระหว่างประเทศแห่งสตอกโฮล์ม (Stockholm International Peace Research Institute: SIPRI) ขณะที่ข้อมูลพบว่า ปักกิ่งเพิ่มเติมหัวรบราว 90 หัวรบ เข้าสู่คลังแสง นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2023
อย่างไรก็ตาม ในรายงานเน้นว่า ในส่วนของบรรดาชาติติดอาวุธนิวเคลียร์อื่นๆ ก็ไม่ได้อยู่เฉย ได้ทำการปรับปรุงอาวุธทำลายล้างของตนเองให้มีความทันสมัยและเพิ่มจำนวนหัวรบที่พร้อมสำหรับปฏิบัติการเช่นกัน
จากข้อมูลของทาง SIPRI ที่เผยแพร่ในวันอาทิตย์ (16 มิ.ย.) สหรัฐฯ และรัสเซียยังคงเป็น 2 มหาอำนาจนิวเคลียร์รายใหญ่ที่สุดของโลก ทิ้งห่างอันดับรองลงมาค่อนข้างมาก โดยทั้ง 2 ชาติมีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครองรวมกันคิดเป็นเกือบ 90% ของอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมดบนโลกใบนี้
กระนั้น ฮานส์ เอ็ม คริสเทนเซน เจ้าหน้าที่ระดับสูงในโครงการอาวุธทำลายล้างของ SIPRI ชี้ว่า "จีนกำลังขยายคลังแสงนิวเคลียร์รวดเร็วกว่าประเทศไหนๆ" ขณะที่ผลการศึกษาของ SIPRI พบว่าระหว่างเดือนมกราคม 2023 จนถึงมกราคา 2024 คลังแสงนิวเคลียร์ของปักกิ่ง ได้เพิ่มขึ้นจาก 410 หัวรบ เป็น 500 หัวรบ
ก่อนหน้านี้ ทางกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เคยสรุปในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ว่า จีนครอบครองหัวรบนิวเคลียร์ที่สามารถใช้งานได้มากกว่า 500 หัวรบ จนถึงเดือนพฤษภาคม 2023 อยู่บนเส้นทางเกินกว่าที่คาดหมายไว้ก่อนหน้านี้ ขณะที่ทางเพนตากอน ถึงขั้นประเมินในช่วงเวลาดังกล่าวว่า จีนอาจมีจำนวนหัวรบนิวเคลียร์ในครอบครองเกินกว่า 1,000 หัวรบ ภายในปี 2030
SIPRI อ้างเป็นครั้งแรกว่าเวลานี้ จีนอาจกำลังประจำการหัวรบขนาดเล็กๆ บนขีปนาวุธในช่วงเวลาแห่งสันติ กระนั้นแม้ว่ากันว่าปักกิ่งมีหัวรบนิวเคลียร์ 24 หัวรบ ที่อยู่ในภาวะตื่นตัวระดับสูงสำหรับพร้อมปฏิบัติการ แต่จำนวนเหล่านี้ถือว่าเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับสหรัฐฯและรัสเซีย ที่มีนิวเคลียร์พร้อมปฏิบัติการมากกว่า 1,700 หัวรบในแต่ละชาติ
รายงานสรุปว่า "จีนอาจมีศักยภาพ อย่างน้อยก็อาจมีขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBMs) มากมาย เหมือนกับรัสเซียหรือสหรัฐฯ ในช่วงเริ่มทศวรรษหน้า แม้คลังแสงหัวรบนิวเคลียร์ของพวกเขายังคงเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับคลังแสงของทั้ง 2 ประเทศ"
ระหว่างให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เทเลกราฟในวันอาทิตย์ (16 มิ.ย.) เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต เปิดเผยว่าบรรดารัฐสมาชิกกำลังหารือกันเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายขีปนาวุธศักยภาพติดอาวุธนิวเคลียร์ออกจากคลังสำรองและจัดวางมันอยู่ในสถานะพร้อมปฏิบัติการ เขาอ้างถึงแนวโน้มภัยคุกคามจากรัสเซียและจีน โดยยืนยันว่าพันธมิตรทหารที่นำโดยสหรัฐฯ แห่งนี้ จำเป็นต้องส่งสารที่ชัดเจนเกี่ยวกับแสนยานุภาพทางนิวเคลียร์ของทางกลุ่มให้มอสโกและปักกิ่งได้รับรู้
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)