เอเจนซีส์ - คลอเดีย เชนบัม อดีตนายกเทศมนตรีวัย 61 ปี และนักฟิสิกต์สิ่งแวดล้อมชาวยิว ชนะเลือกตั้ง 59.5% กลายเป็นประธานาธิบดีเม็กซิโกหญิงคนแรก ประกาศพร้อมจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ไม่เชื่อในวิกฤตการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศโลก ขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯสายสีเขียว โจ ไบเดน ต่อสายแสดงความยินดี การเปลี่ยนแปลงอาจเป็นจุดเปลี่ยนในความสัมพันธ์สหรัฐฯ-เม็กซิโก
บีบีซีของอังกฤษรายงานวานนี้ (3 มิ.ย.) ว่า คลอเดีย เชนบัม (Claudia Sheinbaum) ชาวยิววัย 61 ปี อดีตประจำคณะผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพอากาศโลกของสหประชาชาติที่ชนะรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี 2007 สามารถชนะระหว่าง 58-60% ซึ่งเป็นการชนะถล่มทลายในการเลือกตั้งวันอาทิตย์ (2)
และเชนบอมซึ่งเคยดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีมาก่อนสามารถเอาชนะคู่แข่งนักธุรกิจหญิง โซชีล กัลเวซ (Xóchitl Gálvez)
ทั้งนี้ ว่าที่ประธานาธิบดีหญิงเม็กซิโกคนใหม่จากพรรคารเคลื่อนไหวการฟื้นฟูแห่งชาติ (the National Regeneration Movement) หรือพรรคโมเรนา (Morena) จะขึ้นดำรงตำแหน่งแทนประธานาธิบดีเม็กซิโกคนปัจจุบันที่กำลังจะลงจากตำแหน่ง อันเดรส มานุเอล โลเปซ โอบราดอร์ (Andrés Manuel López Obrador) ในวันที่ 1 ต.ค.
เธอเป็นคนที่โลเปซ โอบราดอร์คัดสรรมาเองกับมือเพื่อเป็นทายาททางการเมืองของเขา เดอะฮิลล์ของสหรัฐฯ ชี้ว่า มุมมองของว่าที่ผู้นำหญิงแดนจังโก้คนใหม่นั้นพบว่ามีแนวคิดต่อต้านเศรษฐกิจไม่เท่าเทียมและรัฐเข้ามาแทรกแซงทางนโยบายเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเครือข่ายความปลอดภัยของสังคมจากแนวทางการเมืองปีกซ้ายของเชนบัมเอง
บีบีซีรายงานว่า การเลือกตั้งเม็กซิโกในรอบนี้ที่มีการชิงระหว่างชินบอม และโซชีล กัลเวซ (Xochitl Gálvez) แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงสำหรับผู้หญิงในเม็กซิโก
หนึ่งในผู้มีสิทธิเลือกตั้งเม็กซิกัน อีเดลมิรา มอนตีล (Edelmira Montiel) วัย 87 ปี กล่าวว่า เธอมีความรู้สึกยินดีที่ยังคงมีชีวิตอยู่ได้ทันที่มีโอกาสได้เห็นผู้หญิงขึ้นสู่ระดับสูงสุดของประเทศสำเร็จ
ทั้งนี้ รัฐบาลเม็กซิโกกล่าวว่ามีไม่ต่ำกว่า 20 คนถูกสังหารทั่วเม็กซิโกถึงแม้การสำรวจจะให้ตัวเลขรวมที่ 37 คนก็ตาม
เป็นการเลือกตั้งเกิดขึ้นท่ามกลางความรุนแรง ซึ่งนอกเหนือจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีเม็กซิโก ผู้มีสิทธิยังต้องโหวตเพื่อเลือกตั้งสมาชิกสภาคองเกรสเม็กซิโก และผู้ว่าการใน 8 รัฐ ผู้นำรัฐบาลกรุงเม็กซิโกซิตี และเจ้าหน้าที่ระดับท้องถิ่นจำนวนหลายพันคน
เดอะฮิลล์ของสหรัฐฯ รายงานว่า ในวันจันทร์ (3) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ได้โทรศัพท์ต่อสายแสดงความยินดีต่อว่าที่ประธานาธิบดีหญิงเม็กซิโกคนใหม่
“ผมมองไปข้างหน้าในการทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับว่าที่ประธานาธิบดีเม็กซิโก เชนบัม ในจิตวิญญาณของความเป็นพันธมิตรและความเป็นเพื่อนที่สะท้อนต่อความสัมพันธ์ที่ยังคงอยู่ระหว่างชาติเราทั้งสอง ผมได้กล่าวถึงพันธะสัญญาของพวกเราในการก้าวไปข้างหน้าต่อคุณค่าและผลประโยชน์ของชาติทั้งสองของพวกเราเพื่อประโยชน์ของประชาชนของพวกเรา”
“ผมยังขอแสดงความยินดีต่อประชาชนเม็กซิกันสำหรับกระบวนการเลือกตั้งตามแนวทางประชาธิปไตยที่ประสบความสำเร็จทั่วประเทศเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งไม่ต่ำกว่า 20,000 คนในระดับท้องถิ่น รัฐ และระดับรัฐบาลกลาง”
อ้างอิงหนังสือพิมพ์ยูเอสเอพบว่า เม็กซิโกและสหรัฐฯ ต่างพึ่งพาอาศัยกันในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน เม็กซิโกช่วยทำให้สินค้าต่างๆ ในอเมริกาถูกลง ขณะที่สหรัฐฯ ส่งธัญพืช แก๊สธรรมชาติ รวมนักท่องเที่ยวอเมริกันเข้าไปในเม็กซิโก
การผลัดเปลี่ยนอำนาจใหม่จากทั้ง 2 ชาติในปีนี้กลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจจากประเด็นปัญหาความขัดแย้งระหว่าง 2 ชาติที่ยังคงมีอยู่ทั้งปัญหายาเสพติดเฟนทานิลที่ไหลบ่าเข้ามาจากพรมแดนเม็กซิโก รวมไปถึงปัญหาคลื่นผู้อพยพจากอเมริกาใต้และเอเชีย
นิวสวีกรายงานว่า ว่าที่ประธานาธิบดีเม็กซิโกคนใหม่ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งนักวิทยาศาสตร์การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโลกของสหประชาชาติได้ประกาศในภาษาสเปนว่า เธอจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันหากว่าเขาชนะเลือกตั้งปลายปีนี้ขึ้นเป็นผู้นำประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้อีกครั้ง
สำหรับทรัมป์ขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่ไม่เชื่อในปัญหาโลกร้อนและรวมไปถึงพรรครีพับลิกันของเขา ในการให้สัมภาษณ์ในรายการฟ็อกซ์แอนด์เฟรนด์วันอาทิตย์ (2) ว่า หากเขาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เขามีเป้าหมายจะตัดงบประมาณสำนักงานภายในและสำนักงานด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ อ้างอิงจาก E&E นิวส์ในเครือโพลิติโกรายงาน
โดยเขาอ้างว่า “สำนักงานสิ่งแวดล้อมต่างๆ หยุดคุณ พวกเขาหยุดคุณจากการทำธุรกิจในประเทศนี้ และพวกเราทำงานได้ดีมาก”
และในรายการเดียวกันนี้เขายังได้กล่าวล้อเลียนประเด็นโลกร้อนที่เขาอ้างว่าในความคิดของเขา สงครามภัยนิวเคลียร์นั้นร้ายแรงมากที่สุด ไม่ใช่ภัยการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศโลกซึ่งสื่อโอเคแม็กกาซีนชี้ว่า
โดยเขากล่าวอย่างเย้ยหยันว่า “เมื่อพวกเขากล่าวว่าทะเลจะสูงขึ้นในอีก 400 ปีข้างหน้าหรือสูงขึ้นราว 1 ใน 8 ของ 1 นิ้ว พวกคุณรู้ไหมว่ามันหมายความแค่หาดด้านหน้าคฤหาสน์ของคุณมันหดลงก็เท่านั้น คิดเอาสิ ทะเลกำลังจะสูงขึ้น....ใครจะไปรู้?”