xs
xsm
sm
md
lg

เรียงหน้ากันมา! เหล่าสมาชิกนาโตประสานเสียง หนุนไฟเขียวยูเครนใช้อาวุธตะวันตกโจมตีดินแดนรัสเซีย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



มีเสียงสนับสนนจากบรรดารัฐสมาชิกนาโตมากขึ้นเรื่อยๆ ในวันศุกร์ (31 พ.ค.) การอนุมัติให้ยูเครนใช้อาวุธที่บริจาคโดยตะวันตกโจมตีภายในดินแดนรัสเซีย ขณะที่ เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการพันธมิตรทหารแห่งนี้เมินเสียงเตือนจากเครมลิน เกี่ยวกับสถานการณ์ที่ลุกลามบายปลาย สืบเนื่องจากความเป็นไปได้ในการตัดสินใจดังกล่าว

เยอรมนีบอกว่าพวกเขาอนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธที่ส่งมอบให้โดยเบอร์ลิน ยิงเข้าใส่เป้าหมายต่างๆ ในรัสเซีย หนึ่งวันหลังจากพวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ บอกว่าวอชิงตันยกเลิกข้อจำกัดแบบเดียวกันบางส่วน เปิดทางให้ยูเครนปกป้องแคว้นคาร์คิฟ ทางภาคตะวันออกของประเทศ ซึ่งอยู่ติดกับชายแดนรัสเซีย

โฆษกของ โอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี บอกว่า "เคียฟมีสิทธิภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศในการป้องกันตนเองต่อการโจมตีใดๆ ที่มาจากภายในรัสเซีย ซึ่งมีชายแดนติดกับยูเครน เพื่อยุติสิ่งนี้ พวกเขาสามารถใช้อาวุธที่จัดหาให้เพื่อจุดประสงค์ดังกล่าว ในนั้นรวมถึงอาวุธที่เราจัดหาให้"

ก่อนหน้านี้ วอชิงตันเคยขัดขืนที่จะไฟเขียวให้ ยูเครน ใช้อาวุธพิสัยไกลของสหรัฐฯ โจมตีใส่ดินแดนรัสเซีย ด้วยความกังวลว่ามันอาจลากนาโตเข้าสู่การเผชิญหน้าโดยตรงกับรัสเซีย ขณะที่วังเครมลินในวันพฤหัสบดี (30 พ.ค.) กล่าวหาตะวันตก "กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่สถานการณ์ความตึงเครียดรอบใหม่"

อย่างไรก็ตาม เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโตบอกกับพวกผู้สื่อข่าวหลังการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่ม ในกรุงปราก ว่า "นี่คือส่วนหนึ่งในความพยายามของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และมอสโกที่ต้องการขัดขวางนาโตจากการมอบแรงสนับสนุนยูเครนสำหรับปกป้องตัวเอง ยูเครนมีสิทธิในการป้องกันตนเอง และเราก็มีสิทธิช่วยเหลือยูเครน"

อย่างไรก็ตาม สมาชิกนาโตบางส่วนส่งเสียงคัดค้าน ในนั้นรวมถึง อันโตนิโอ ทาจานี รัฐมนตรีต่างประเทศอิตาลี ที่บอกว่า "สำหรับอิตาลีแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้อาวุธของเรานอกดินแดนรัสเซีย เราไม่ได้ต่อสู้กับรัสเซีย เรากำลังปกป้องยูเครน และมันไม่เหมือนกัน"

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายหนึ่งเปิดเผยในวันพฤหัสบดี (30 พ.ค.) ว่าเมื่อเร็วๆ นี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ออกคำสั่งให้คณะทำงานหาทางรับประกันว่ายูเครนจะสามารถใช้อาวุธที่จัดหาให้โดยสหรัฐฯ ในจุดประสงค์ยิงตอบโต้ในแคว้นคาร์คิฟ เพื่อที่ยูเครนจะสามารถตีโต้กลับกองกำลังรัสเซีย ที่กำลังโจมตีหรือกำลังเตรียมการโจมตีใส่พวเขา

กระนั้นเจ้าหน้าที่ระบุว่า ระบบขีปนาวุธ ATACMS ซึ่งสามารถโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซียยังคงเป็นสิ่งต้องห้าม

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ อีกคนยืนยันเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งนี้ ซึ่งมีขึ้นตามหลังการหารือกันอย่างลับๆ ระหว่างทำเนียบขาว กับเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงและเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ มานานหลายสัปดาห์

ไบเดน ส่งสัญญาณให้ไฟเขียวขั้นสุดท้ายในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่เก็บเป็นความลับเนื่องจากเหตุผลด้านปฏิบัติการ และมันเพิ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันพฤหัสบดี (30 พ.ค.)

ปัจจัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายของวอชิงตัน คือการที่รัสเซียดาหน้าถล่มคาร์คิฟ เมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของยูเครน แทบทุกวัน โดยปฏิบัติการโจมตีล่าสุดที่เกิดขึ้นในค่ำวันพฤหัสบดี (30 พ.ค.) สังหารผู้คนไป 5 ราย และบาดเจ็บ 23 คน ในนั้นรวมถึงเด็ก 2 คน ขณะที่เจ้าหน้าที่เตือนว่าอาจมีชาวบ้านอีกหลายคนติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กดดันพันธมิตรตะวันตกมาอย่างต่อเนื่อง ร้องขอแสนยานุภาพด้านการป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มเติม "ลำดับความสำคัญสูงสุดของเราคือ ต้องรับประกันระบบป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มเติมสำหรับยูเครน เช่นเดียวกับโครงการอุตสาหกรรมกลาโหมร่วม และอาวุธต่างๆ สำหรับนักรบของเรา เช่นเดียวกับความพยายามของโลกในการกดดันรัสเซียเข้าสู่สันติภาพ" เขากล่าวระหว่างเยือนสวีเดนในวันศุกร์ (31 พ.ค.) "ถ้าเราร่วมใจร่วมใจกัน เราก็จะสามารถหยุดเรื่องบ้าๆ จากมอสโก"

ยุเครนยกระดับโจมตีใส่เป้าหมายต่างๆ ของรัสเซียหนักหน่วงขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยอ้างใช้โดรนเล่นงานเป้าหมายทางทหารและโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงาน ลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย

กองทัพรัสเซียเปิดเผยในวันศุกร์ (31 พ.ค.) ว่าพวกเขาสอยร่วงโดรนยูเครน 29 ลำ เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ซึ่งโดรนเหล่านี้เล็งเป้าเล่นงานเป้าหมายต่างๆ ในเมืองท่า "โนโวรอสซิสก์" และคลังน้ำมันแห่งหนึ่งในเมือง Temryuk

การโจมตีที่เมือง Temryuk จุดชนวนไฟลุกไหม้โหมกระพือนานหลายชั่วโมงก่อนดับลง และมีคนงานคลังน้ำมันได้รับบาดเจ็บหลายราย ส่วนที่เมืองท่าโนโวรอสซิสก์ ไม่มีรายงานการบาดเจ็บใดๆ

ความเคลื่อนไหวยกระดับโจมตีหนักหน่วงขึ้นของยูเครน มีขึ้นในขณะที่ทหารรัสเซียสามารถรุกคืบอย่างค่อยเป็นค่อยไปในยูเครนในปีนี้ หลังจากสกัดปฏิบัติการโจมตีตอบโต้ครั้งใหญ่ของยูเครนได้สำเร็จเมื่อปีที่แล้ว

อังเดร เบลูซอฟ รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย เปิดเผยว่านับตั้งแต่เข้าสู่ปี 2014 กองกำลังมอสโกสามารถยึดดินแดนได้แล้วกว่า 880 ตารางกิโลเมตร "การรุกคืบกำลังเดินหน้าทุกทิศทุกทาง" เขากล่าว

(ที่มา : เอเอฟพี)


กำลังโหลดความคิดเห็น