อิสราเอลประกาศความสำเร็จเข้ายึดพื้นที่เพื่อสร้างเขตกันชนเลียบตลอดแนวชายแดนระหว่างอียิปต์กับฉนวนกาซา ซึ่งรัฐยิวเชื่อว่าเป็นเส้นทางสำคัญที่ฮามาสใช้ลักลอบขนอาวุธ ด้านไคโรตอกกลับยิวใช้ข้อกล่าวหานี้เพื่อสร้างความชอบธรรมในการเดินหน้าถล่มราฟาห์ เมืองตอนใต้สุดของกาซาที่อยู่ติดกับอียิปต์ และทำให้สงครามยืดเยื้อเพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมือง ขณะที่สื่อดังของอเมริการายงานว่า ระเบิดที่อิสราเอลใช้โจมตีค่ายผู้ลี้ภัยสงครามในราฟาห์ที่ทำให้มีคนตายเฉียดครึ่งร้อยเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นระเบิดนำวิถีจีบียู-39 ของสหรัฐฯ
พลเรือตรีแดเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพอิสราเอล แถลงในวันพุธ (29 พ.ค.) ว่า อิสราเอลเข้า “ควบคุมเชิงปฏิบัติการ” เขตพื้นที่ฉนวนฟิลาเดลฟีระยะทาง 14 กิโลเมตรเลียบตลอดชายแดนระหว่างกาซา-อียิปต์ ซึ่งอิสราเอลถือเป็นพื้นที่กันชนที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ และทำให้รัฐยิวสามารถควบคุมชายแดนภาคพื้นดินทั้งหมดในบริเวณนั้น
ฮาการียังอ้างว่า ทหารอิสราเอลยังพบอุโมงค์ราว 20 แห่งในบริเวณดังกล่าว ซึ่งสงสัยว่า ฮามาสใช้เป็นเส้นทางลักลอบขนอาวุธ
ทว่า อียิปต์ที่เป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยเพื่อให้มีการหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับฮามาส แต่เริ่มวิพากษ์วิจารณ์ปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในกาซารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่า มีอุโมงค์ขนอาวุธใต้พื้นที่ชายแดนกาซา-อียิปต์
สำนักข่าวอัล-กาเฮรา ที่มีความเชื่อมโยงกับทางการไคโรรายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวระดับสูงในอียิปต์ว่า อิสราเอลใช้ข้อกล่าวหาเหล่านี้เพื่อสร้างความชอบธรรมในการเดินหน้าปฏิบัติการในเมืองราฟาห์ต่อไป และทำให้สงครามยืดเยื้อออกไปเพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมือง
เจ้าหน้าที่หลายคนของอียิปต์ยังเตือนว่า การที่อิสราเอลเข้ายึดพื้นที่ฉนวนฟิลาเดลฟี เอาไว้ อาจเข้าข่ายละเมิดข้อตกลงสันติภาพปี 1979 ระหว่างอียิปต์กับอิสราเอล แม้ยังไม่มีการแสดงความคิดเห็นอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลอียิปต์นับจากที่อิสราเอลประกาศข่าวนี้ก็ตาม
ที่ปักกิ่ง ประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซิซี ของอียิปต์ ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมการประชุมความร่วมมือจีน-ชาติอาหรับที่นั่น ได้แถลงเรียกร้องให้เพิ่มความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่กาซาที่ถูกปิดล้อม และย้ำจุดยืนยาวนานของไคโรในการคัดค้านความพยายามบีบบังคับให้ชาวปาเลสไตน์ละทิ้งถิ่นฐาน
ขณะเดียวกัน ผู้เห็นเหตุการณ์รายงานว่า มีการสู้รบในพื้นที่ตอนกลางและด้านตะวันตกของเมืองราฟาห์ รวมทั้งกองทัพอิสราเอลได้ทำลายตึกหลายหลังทางฝั่งตะวันออกของเมือง ซึ่งเป็นจุดแรกที่อิสราเอลบุกเข้าสู่เมืองนี้เมื่อวันที่ 7 พ.ค. โดยในแรกเริ่มนั้นทหารรัฐยิวเล็งเป้าหมายนุดจุดผ่านแดนราฟาห์ ซึ่งเป็นเส้นทางลำเลียงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่สำคัญเข้าสู่กาซา
ผู้สื่อข่าวของเอเอฟพียังรายงานว่า นอกจากราฟาห์แล้ว ที่เมืองกาซาซิตี้ ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของฉนวนกาซา อิสราเอลได้เข้าโจมตีด้วยปืนและปืนใหญ่ในเขตเซตุนซึ่งเป็นย่านที่อยู่อาศัยของเมืองนี้ โดยผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า มีกลุ่มควันหนาทึบลอยขึ้นมาจากค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย และเบตลาเฮีย
ทางด้านสมาคมเสี้ยววงเดือนแดงปาเลสไตน์ (พีอาร์เอสซี) รายงานเมื่อคืนวันพุธว่า เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินทางการแพทย์ 2 คนเสียชีวิตจากการที่อิสราเอลระเบิดรถพยาบาลที่กำลังเดินทางไปช่วยประชาชนในราฟาห์ และเสริมว่า พีอาร์เอสซีได้อพยพทีมแพทย์ทั้งหมดออกจากโรงพยาบาลสนามในเขตอัล-มาวาซี ซึ่งอิสราเอลกำหนดให้เป็นเขตอพยพพลเรือนแล้ว เนื่องจากยังคงมีการทิ้งระเบิดโจมตีอย่างต่อเนื่อง
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันอาทิตย์ (26) การโจมตีของอิสราเอลได้ทำให้เกิดไฟไหม้รุนแรงและมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 45 คนในค่ายชั่วคราวเมืองราฟาห์ที่ประกอบด้วยเต็นท์ที่พักสำหรับผู้ลี้ภัยสงคราม กระตุ้นให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) จัดประชุมฉุกเฉินเป็นเวลา 2 วัน โดยแอลจีเรียได้ยื่นร่างญัตติเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหยุดยิงทันทีและปล่อยตัวประกันทั้งหมด ทว่า ยังไม่มีความชัดเจนว่า จะมีการลงมติญัตตินี้เมื่อใด ขณะที่สหรัฐฯ พันธมิตรสนิทของอิสราเอลที่เป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรี แสดงท่าทีอาจจะคัดค้านซึ่งหมายถึงการใช้สิทธิวีโต้
ส่วนที่อิสราเอล ซาชิ ฮาเนกบี ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ ประกาศว่า สงครามกาซาจะดำเนินต่อไปตลอดปีนี้ เพื่อบรรลุเป้าหมายในการทำลายอำนาจและความสามารถทางการทหารของฮามาส
ถึงแม้สหรัฐฯ แสดงท่าทีเรียกร้องให้อิสราเอลระงับการบุกราฟาห์เต็มรูปแบบ แต่เมื่อวันอังคาร (28) กลับประกาศว่า ยังไม่เห็นว่า ปฏิบัติการของอิสราเอลในเมืองดังกล่าวจวบจนถึงเวลานี้ เป็นการข้าม “เส้นแดง” ที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ระบุว่าอาจจะทำให้วอชิงตันตัดสินใจระงับการจัดส่งอาวุธให้รัฐยิว
อย่างไรก็ตาม สื่อดังของอเมริกาอย่าง นิวยอร์กไทมส์ และซีเอ็นเอ็น ต่างรายงานโดยอ้างอิงคำบอกเล่าของผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธและการวิเคราะห์วิดีโอจากที่เกิดเหตุการโจมตีค่ายผู้ลี้ภัยราฟาห์เมื่อวันอาทิตย์ว่า ระเบิดที่เชื่อว่า เป็นจุดเริ่มต้นของไฟไหม้ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากนั้นเป็นระเบิดนำวิถีจีบียู-39 ของอเมริกา
(ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)