สื่ออิตาลีรายงานเมื่อวันจันทร์ (27 พ.ค.) ว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงใช้ถ้อยคำเหยียดหยามอย่างรุนแรงต่อกลุ่มคน LGBT และตรัสระหว่างการประชุมลับกับบรรดาพระบิชอปในอิตาลีว่า พวก “เกย์” ไม่สมควรได้รับอนุญาตให้บวชเป็นบาทหลวง
La Repubblica และ Corriere della Sera ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์รายวัน 2 ฉบับที่มียอดขายสูงที่สุดในอิตาลี รายงานตรงกันว่า สมเด็จพระสันตะปาปาได้ตรัสว่า สำนักเสมินาร์ (seminaries) หรือโรงเรียนที่ฝึกบุรุษสำหรับบวชเป็นบาทหลวงทุกวันนี้เต็มไปด้วยพวก ‘frociaggine’ ซึ่งเป็นคำหยาบในภาษาอิตาเลียนหมายถึงชายรักร่วมเพศ
ล่าสุด ทางสำนักวาติกันยังไม่ออกมาให้ความเห็นใดๆ เกี่ยวกับรายงานนี้
La Repubblica อ้างว่าได้ข้อมูลมาจากแหล่งข่าวหลายคน ขณะที่ Corriere อ้างคำพูดของพระบิชอปที่ไม่ประสงค์เอ่ยนาม 2-3 รูปที่บอกว่า โป๊ปซึ่งเป็นชาวอาร์เจนตินาโดยกำเนิดอาจจะไม่ทรงทราบว่า คำภาษาอิตาเลียนที่ทรงเลือกใช้นั้นสื่อความหมายไปในทางหยาบคาย
ด้านเว็บไซต์ข่าวซุบซิบ Dagospia ซึ่งเป็นสื่อเจ้าแรกที่ออกมาแฉเรื่องนี้อ้างว่า มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 พ.ค. ตอนที่สภาบิชอปอิตาลี (Italian Bishop Conference) ได้จัดประชุมเป็นเวลา 4 วัน และมีการหารือแบบปิดลับกับโป๊ป
โป๊ปฟรานซิส วัย 87 พรรษา ทรงได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ผลักดันให้คริสตจักรโรมันคาทอลิกมีแนวทางที่เปิดกว้างยอมรับกลุ่ม LGBT มากขึ้น โดยเมื่อครั้งที่ทรงรับตำแหน่งสันตะปาปาใหม่ๆ ในปี 2013 โป๊ปได้ทรงเอ่ยพระดำรัสที่มีชื่อเสียงว่า “หากคนๆ หนึ่งเป็นเกย์ แต่หันเข้าหาพระเจ้าและเขามีเจตนาที่ดี ข้าพเจ้าเป็นใครที่จะไปตัดสินพวกเขา?”
ปีที่แล้วพระองค์ยังทรงอนุญาตให้บาทหลวงประสาทพรแก่คู่รักเพศเดียวกันได้ จนจุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากฝ่ายอนุรักษนิยม
กระนั้นก็ตาม มีรายงานว่าโป๊ปเคยกล่าวพาดพิงถึงพวกนักศึกษาเซมินาเรียนที่เป็นเกย์ (ทว่าไม่ได้เอ่ยคำหยาบ) ในลักษณะเดียวกันนี้ตอนที่ประชุมหารือกับพระบิชอปอิตาลีเมื่อปี 2018 โดยทรงเน้นย้ำให้มีการตรวจสอบผู้สมัครบวชอย่างเข้มงวด และหากต้องสงสัยว่าเป็นเกย์ก็อย่ารับ
ก่อนหน้านั้น สำนักวาติกันในยุคของอดีตสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 เคยออกเอกสารที่ระบุว่า คริสตจักรคาทอลิกสามารถอนุมัติการบวชให้แก่อดีตเกย์ที่สามารถตัดขาดจากรสนิยมรักร่วมเพศมาแล้วอย่างน้อย 3 ปี และยังย้ำให้คริสตจักรปฏิเสธการมีรสนิยมรักร่วมเพศ ตลอดจนบุคคลซึ่งมีแนวโน้มสูงที่จะเป็นเกย์ และพวกที่สนับสนุน “วัฒนธรรมเกย์” ด้วย
ที่มา : รอยเตอร์