ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศระลอกหนึ่งของอิสราเอล จุดชนวนไฟไหม้ย่างสดประชาชน 45 ราย ในแคมป์เตนท์ผู้ลี้ภัยในเมืองราฟาห์ ของฉนวนกาซา จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ในวันจันทร์ (27 พ.ค.) โหมกระพือเสียงคร่ำครวญจากบรรดาผู้นำทั่วโลกที่เรียกร้องให้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลโลก ซึ่งพิพากษาให้ระงับการจู่โจมเมืองแห่งนี้
ครอบครัวชาวปาเลสไตน์รุดไปยังโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อเตรียมนำร่างไร้วิญญาณของผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีศพ ตามหลังเหตุโจมตีที่เกิดขึ้นในช่วงค่ำวันอาทิตย์ (26 พ.ค.) ส่งผลให้เต็นท์ และที่พักพิงซึ่งทำจากเหล็กง่อนแง่น เกิดไฟลุกไหม้
กองทัพอิสราเอล ซึ่งอ้างว่ากำลังพยายามกำจัดพวกฮามาสในกาซา ระบุกำลังสืบสวนรายงานที่ว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศหนึ่งของพวกเขา ที่เล็งเป้าหมายเล่นงานพวกผู้บัญชาการกลุ่มนักรบอิสลามิสต์ในราฟาห์ เป็นต้นเหตุของเหตุไฟลุกไหม้ในครั้งนี้
ส่วนนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู บอกว่าการโจมตีดังกล่าวไม่ได้มีเจตนาที่จะก่อความสูญเสียแก่พลเรือน "ในราฟาห์ เราได้อพยพพลเรือนที่ไม่ใช่นักรบราว 1 ล้านคน และแม้เราพยายามอย่างที่สุดที่จะไม่ก่ออันตรายแก่พลเรือนที่ไม่ใช่นักรบ แต่เคราะห์ร้ายบางอย่างเกิดความผิดพลาดอย่างน่าเศร้า" เขากล่าวปราศรัยต่อรัฐสภา
พวกผู้รอดชีวิตเปิดเผยว่าครอบครัวต่างๆ กำลังเตรียมเข้านอน ตอนที่ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลเล่นงานย่ายเทล อัล-สุลต่าน ซึ่งมีพลเรือนหลายหมื่นคนเข้ามาหลบภัย หลังจากกองกำลังอิสราเอลเริ่มจู่โจมทางภาคพื้น ในทางตะวันออกของเมืองราฟาห์ เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน
วิดีโอหนึ่งที่รอยเตอร์ได้มา เป็นภาพที่ไฟกำลังโหมกระพือในยามค่ำคืนและผู้คนกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนก ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในกาซา ซึ่งปกครองโดยฮามาส เปิดเผยว่าในบรรดาผู้เสียชีวิต มากกว่าครึ่งเป็นผู้หญิง เด็กและคนชรา และเชื่อว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตน่าจะพุ่งสูงกว่านี้ เนื่องจากมีหลายคนได้รับบาดเจ็บแผลไฟไหม้รุนแรง
ต่อมาทีมแพทย์เปิดเผยว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศอีกชุดของอิสราเอลในวันจันทร์ (27 พ.ค.) ได้สังหารชาวปาเลสไตน์ 7 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 7 ราย
กองทัพอิสราเอลระบุว่าการโจมตีในวันอาทิตย์ (26 พ.ค.) มีขึ้นบนพื้นฐานข้อมูลข่าวกรองที่แม่นยำ และสามารถกำจัดเสนาธิการทหารของพวกฮามาสในเวสต์แบงก์ เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่รายอื่นที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีใส่อิสราเอล
ปฏิบัติการโจมตีของอิสราเอล มีขึ้นหลังจากพวกเขาสามารถยิงสกัดจรวด 8 ลูก ที่ยิงออกมาจากพื้นที่ราฟาห์ ทางใต้ของฉนวนกาซา เข้าใส่อิสราเอล
อิสราเอลยังคงเดินหน้าปฏิบัติการรุกราน แม้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นศาลสูงสุดของสหประชาชาติ ออกคำสั่งเมื่อวันศุกร์ (24 พ.ค.) ให้พวกเขาหยุดปฏิบัติการดังกล่าว โดยอิสราเอลอ้างว่าคำตัดสินของศาล อนุญาตปฏิบัติการทางทหารบางขอบเขตในพื้นที่นี้
สหรัฐฯ เรียกร้อง อิสราเอล ให้ใช้ความระมัดระวังมากยิ่งขึ้นในการปกป้องพลเรือน แต่ไม่ได้เรียกร้องให้ระงับปฏิบัติการรุกรานนราฟาห์แต่อย่างใด
โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ รายหนึ่งระบุว่า "อิสราเอลมีสิทธิไล่ล่าฮามาส และเราเข้าใจว่าการโจมตีนี้สังหารพวกก่อการร้ายระดับสูงของฮามาส 2 คน ที่อยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีพลเรือนอิสราเอล อย่างไรก็ตาม อย่างที่เราเคยแสดงจุดยืนชัดเจนมาก่อนหน้านี้ อิสราเอลต้องระมัดระวังอย่างที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อปกป้องพลเรือน"
ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส บอกว่าเขารู้สึกขุ่นเคืองต่อการโจมตีระลอกล่าสุดของอิสราเอล "ปฏิบัติการเหล่านี้ต้องหยุดลง ไม่มีพื้นที่ปลอดภัยในราฟาห์ สำหรับพลเรือนปาเลสไตน์อีกต่อไปแล้ว" เขากล่าวผ่านแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ขณะที่ในเวลาต่อมา ประชาชนหลายพันคนรวมตัวกันในกรุงปารีส เพื่อประท้วงต่อต้านปฏิบัติการจู่โจมในกาซา
อันนาเลนา แบร์บ็อค รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี และโจเซฟ บอร์เรล หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของอียู บอกว่าคำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศต้องได้รับความเคารพ "กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศบังคับใช้กับทุกคน ซึ่งรวมถึงพฤติกรรมของอิสราเอลในสงครามเช่นกัน"
รัฐบาลแคนาดา บอกว่าพวกเขารู้สึกสยดสยองต่อเหตุโจมตีเข่นฆ่าชีวิตในราฟาห์ และเรียกร้องให้หยุดยิงในทันที "แคนาดาไม่สนับสนุนปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในราฟาห์" เมลานี โจลี รัฐมนตรีต่างประเทศ โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ "ความทุกข์ทรมานของมนุษย์ในระดับนี้ควรจบลงได้แล้ว
ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ก็ประณามการโจมตีของอิสราเอลเช่นกัน ส่วนกาตาร์บอกว่าการโจมตีใส่เมืองราฟาห์ อาจฉุดรั้งความพยายามบรรลุข้อตกลงหยุดยิงและแลกเปลี่ยนตัวประกัน
กระทรวงการต่างประเทศของปาเลสไตน์ ซึ่งตั้งอยู่ในเวสต์แบงก์ ประณามการสังหารหมู่อันชั่วร้าย ขณะที่อียิปต์ก็ประณามอิสราเอล ต่อการจงใจทิ้งบอมบ์ถล่มเต็นท์ผู้ลี้ภัย พร้อมให้คำจำกัดความว่ามันเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างโจ่งแจ้ง
(ที่มา : รอยเตอร์)