เครื่องบินของสายการบินกาตาร์แอร์เวย์ส (Qatar Airways) ซึ่งเดินทางจากกรุงโดฮาไปยังไอร์แลนด์ประสบอุบัติเหตุตกหลุมอากาศ (turbulence) เมื่อวันอาทิตย์ (26 พ.ค.) ทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือบาดเจ็บรวม 12 คน โดยกัปตันสามารถนำเครื่องลงจอดได้อย่างปลอดภัยตามกำหนดเวลา
ท่าอากาศยานดับลินแถลงวานนี้ (26) ว่าเครื่องบินโบอิ้ง 787 ดรีมไลเนอร์ เที่ยวบิน QR017 ของกาตาร์แอร์เวย์ส ลงจอดเมื่อเวลาก่อน 13.00 น. เล็กน้อยตามเวลาท้องถิ่น
“เมื่อเครื่องลงจอดได้มีเจ้าหน้าที่ฉุกเฉิน รวมถึงตำรวจสนามบิน และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานดับเพลิงและกู้ชีพเข้าไปให้การช่วยเหลือ หลังได้รับรายงานว่ามีผู้โดยสาร 6 คน และลูกเรือ 6 คน ได้รับบาดเจ็บจากการที่เครื่องบินตกหลุมอากาศ ขณะอยู่เหนือน่านฟ้าตุรกี” ท่าอากาศยานดับบลิน ระบุ
สถานีโทรทัศน์ RTE ของไอร์แลนด์อ้างคำบอกเล่าของผู้โดยสารที่เดินทางมาพร้อมกับเที่ยวบินดังกล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นภายในเวลาไม่ถึง 20 วินาที ระหว่างที่พนักงานต้อนรับกำลังเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่ม
กาตาร์แอร์เวย์สยืนยันว่ามีผู้โดยสาร “จำนวนไม่กี่ราย” และลูกเรือที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยระหว่างเที่ยวบินนี้ และทั้งหมดได้รับการรักษาพยาบาลแล้ว
ทางสายการบินไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการตกหลุมอากาศ แต่ยืนยันว่าจะมีการสอบสวนภายใน
เหตุระทึกนี้เกิดขึ้นเพียง 5 วันหลังจากที่เที่ยวบิน SQ321 ของสิงคโปร์แอร์ไลน์สซึ่งออกเดินทางจากลอนดอนไปยังสิงคโปร์ต้องลงจอดฉุกเฉินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หลังประสบเหตุตกหลุมอากาศอย่างรุนแรงจนเป็นเหตุให้ผู้โดยสารชาวอังกฤษวัย 73 ปี เสียชีวิต และมีผู้โดยสารและลูกเรือคนอื่นๆ ที่บาดเจ็บถึงขั้นต้องนอนห้องไอซียูราว 20 คน
คณะกรรมการความปลอดภัยขนส่งแห่งชาติสหรัฐฯ (NTSB) เผยผลการศึกษาเมื่อปี 2021 ซึ่งพบว่า การตกหลุมอากาศถือเป็นอุบัติเหตุทางการบินที่เกิดได้บ่อยที่สุด โดยระหว่างช่วงปี 2009-2018 ทางหน่วยงานพบว่า การตกหลุมอากาศคิดเป็นสัดส่วนอุบัติเหตุทางการบินมากกว่า 1 ใน 3 ที่มีรายงานเข้ามา และมักทำให้เกิดการบาดเจ็บเล็กน้อยหรือรุนแรง ทว่าไม่ก่อความเสียหายต่อตัวเครื่องบิน
ที่มา : รอยเตอร์