เอพี - ผู้นำจีน-ญี่ปุ่นเดินทางถึงโซลเพื่อแยกกันหารือกับประธานาธิบดีเกาหลีใต้ในวันอาทิตย์ (25 พ.ค.) ก่อนที่จะประชุมสามฝ่ายครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปีในวันจันทร์ (26 พ.ค.) ซึ่งคาดว่าจะไม่มีการประกาศข่าวใหญ่ใดๆ จากการประชุม ถึงกระนั้น การกลับมาร่วมหารือกันอีกครั้งถือเป็นสัญญาณที่ดีที่บ่งชี้ว่า สามประเทศเอเชียเหล่านี้ต้องการปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างกัน
การประชุมสุดยอด 3 ชาติถูกคาดหมายว่าจะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีนับจากการหารือครั้งแรกในปี 2008 ทว่า เป้าหมายนี้หยุดชะงักนับจากการประชุมในเดือนธันวาคม 2019 ที่เมืองเฉิงตูของจีน เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 และความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างสามประเทศ
หลังจากเดินทางถึงโซลเมื่อวันอาทิตย์ นายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง ของจีน และนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น มีกำหนดหารือทวิภาคีกับประธานาธิบดียุน ซอกยอน ของเกาหลีใต้ เกี่ยวกับวิธีส่งเสริมความร่วมมือและประเด็นอื่นๆ นอกจากนั้น หลี่และคิชิดะยังมีกำหนดหารือกันด้วย
สำนักงานประธานาธิบดีเกาหลีใต้ระบุว่า ในการประชุมระหว่างยุน หลี่ และคิชิดะในวันจันทร์ จะมีการหารือเกี่ยวกับความร่วมมือเฉพาะ 6 ด้าน ได้แก่ การแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การค้า ประเด็นสุขภาพ เทคโนโลยี และการรับมือภัยพิบัติ
อย่างไรก็ตาม ประเด็นอ่อนไหว เช่น โครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ การอ้างสิทธิอธิปไตยเหนือไต้หวันของจีน และข้อพิพาทด้านดินแดนในทะเลจีนใต้ ไม่อยู่ในวาระการประชุมอย่างเป็นทางการ ทว่า ผู้เชี่ยวชาญบางคนระบุว่า มีแนวโน้มว่าผู้นำสามชาติจะหารือเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือซึ่งเป็นภัยคุกคามสำคัญด้านความมั่นคงต่อเกาหลีใต้และญี่ปุ่น แม้ไม่ชัดเจนว่าจะมีการแถลงข่าวเรื่องนี้หรือไม่และมากน้อยแค่ไหนก็ตาม
ทั้งนี้ ทั้งสามประเทศเป็นคู่ค้าสำคัญของกันและกัน และความร่วมมือของกลุ่มนี้มีความสำคัญต่อสันติภาพและความมั่งคั่งของภูมิภาค จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นมีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) รวมกันประมาณ 25% ของจีดีพีโลก แต่ขณะเดียวกัน สามประเทศนี้มีข้อพิพาทกันบ่อยครั้งทั้งประเด็นทางประวัติศาสตร์ และประเด็นทางการทูตที่เกิดจากความโหดร้ายของญี่ปุ่นในช่วงสงคราม
อิทธิพลที่เพิ่มมากขึ้นของจีน และการกระชับสัมพันธ์ของอเมริกากับพันธมิตรในเอเชีย ยังส่งผลกระทบอย่างมากต่อความสัมพันธ์ของจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
แม้เกาหลีใต้และญี่ปุ่นปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยและเป็นพันธมิตรสำคัญของอเมริกา แต่สองประเทศนี้ปีนเกลียวกันหนักในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาจากปัญหาแรงงานเกาหลีใต้ที่ถูกบังคับในช่วงที่ตกเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่นระหว่างปี 1940-1945
อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์โซล-โตเกียวอบอุ่นขึ้นนับจากปีที่แล้วที่ยุนข้ามผ่านความคับข้องใจในอดีตเพื่อร่วมมือกับญี่ปุ่นจัดการความท้าทายที่มีร่วมกัน เช่น ภัยคุกคามจากโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ การเป็นปฏิปักษ์ที่รุนแรงขึ้นระหว่างจีนกับอเมริกา และความเสี่ยงด้านห่วงโซ่อุปทาน
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เกาหลีใต้ จีน และญี่ปุ่นขณะนี้มีความต้องการร่วมกันในการปรับปรุงความสัมพันธ์ โดยเกาหลีใต้และญี่ปุ่นนั้นต้องการความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับจีนเนื่องจากจีนเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุด ในทางกลับกัน ปักกิ่งมีแนวโน้มเชื่อว่าการกระชับความสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้นระหว่างโซล-โตเกียว-วอชิงตันจะเป็นอันตรายต่อผลประโยชน์แห่งชาติของตน
ก่อนออกเดินทาง คิชิดะระบุว่า การที่ผู้นำทั้งสามชาติหารือกันเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างกัน รวมถึงประเด็นอื่นๆ ในระดับภูมิภาคและระดับโลกเป็นสิ่งที่มีนัยสำคัญมาก เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้และจีนแสดงความหวังเช่นเดียวกันว่า การประชุมสามฝ่ายจะส่งเสริมความร่วมมือสามประเทศ