อีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้งเทสลา (Tesla) กล่าวกับบรรดานักลงทุนด้านเทคโนโลยีที่กรุงปารีสเมื่อวันพฤหัสบดี (23 พ.ค.) ว่าตน “ไม่เห็นด้วย” ที่สหรัฐฯ ใช้มาตรการรีดภาษีรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน ซึ่งเป็นการกลับลำแบบหน้าตาเฉยจากที่เจ้าตัวเคยเตือนไว้เมื่อเดือน ม.ค. ว่า ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจีนจะ “โค่น” ค่ายรถคู่แข่งทั่วโลก หากไม่มีอุปสรรคทางการค้ามาเป็นตัวกีดขวาง
มัสก์ กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (23) ว่า เขาไม่สนับสนุนมาตรการที่ “บิดเบือนกลไกตลาด” หลังจากประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ลงนามกฎหมายขึ้นภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากจีนหลายรายการ รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมการผลิตภายในสหรัฐฯ เอง
แม้ ไบเดน จะยังคงอัตราภาษีส่วนใหญ่ไว้เท่าๆ กับในยุคของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แต่ก็มีการปรับเพิ่มสำหรับสินค้าบางประเภท โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าจีนที่ถูกรีดเพิ่มจาก 25% เป็น 100% หรือเพิ่ม 4 เท่าตัว
ทำเนียบขาวระบุว่า อัตราภาษีใหม่นี้จะมีผลต่อสินค้านำเข้าจีนมูลค่ารวม 18,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
มัสก์ กล่าวต่อเวทีประชุม Viva Technology ที่กรุงปารีสผ่านระบบวิดีโอลิงก์ว่า “ทั้งผมและเทสลาไม่เคยเรียกร้องให้มีการรีดภาษีเช่นนี้ อันที่จริงผมเซอร์ไพรส์มากด้วยซ้ำตอนที่ได้ยินข่าว อะไรก็ตามที่เป็นอุปสรรคต่อการแลกเปลี่ยนอย่างเสรี หรือบิดเบือนกลไกตลาด ไม่ใช่เรื่องดีทั้งนั้น”
“เทสลาสามารถแข่งขันได้ดีในตลาดจีนโดยปราศจากทั้งกำแพงภาษีหรือการอนุโลมผ่อนผันใดๆ ผมจึงไม่สนับสนุนเรื่องกำแพงภาษี” มัสก์ กล่าว
ย้อนไปเมื่อเดือน ม.ค. มัสก์ เคยเตือนว่าผู้ผลิตรถยนต์จีนกำลัง “โค่น” ค่ายรถคู่แข่งจากทั่วโลก หากไม่มีการตั้งกำแพงภาษีสกัดไว้
เขาได้พูดคุยกับนักวิเคราะห์ในขณะนั้นว่า “หากไม่มีการตั้งอุปสรรคทางการค้าขึ้นมา พวกเขาจะสามารถโค่นค่ายรถยนต์ส่วนใหญ่ในโลกได้แน่นอน... เพราะพวกเขาเจ๋งมากจริงๆ”
ที่มา : รอยเตอร์