แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กำลังผลักดันให้รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน อนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธของอเมริกาโจมตีเป้าหมายต่างๆ ที่อยู่ลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย ตามรายงานของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สในวันพฤหัสบดี (23 พ.ค.) อ้างอิงเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม
อ้างอิงจากทำเนียบขาว ข้อห้ามดังกล่าวถูกกำหนดขึ้นสืบเนื่องจากความกังวลที่ว่า ยูเครนอาจใช้อาวุธของสหรัฐฯ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย ในสิ่งที่วอชิงตันยอมรับว่ามันอาจโหมกระพือสถานการณ์ลุกลามบานปลายและความเป็นไปได้ของสงครามโลกครั้งที่ 3 ที่อาจเป็นศึกสงครามอาวุธนิวเคลียร์ อย่างไรก็ตาม จากท่าทีล่าสุด บลิงเคน สนับสนุนให้ยกเลิกข้อจำกัดดังกล่าว หลังจากซุ่มเงียบเดินทางเยือนกรุงเคียฟ เมื่อช่วงกลางเดือน ตามรายงานของนิวยอร์กไทม์ส อ้างแหล่งข่าววงใน
พวกเจ้าหน้าที่ยูเครน อ้างว่าการที่พวกเขาไม่สามารถใช้อาวุธสหรัฐฯ โจมตีข้ามชายแดนเล็งเป้าหมายเล่นงานกองกำลังรัสเซีย เป็นปัจจัยที่นำมาซึ่งความล้มเหลวของกองทัพเคียฟในความพยายามสกัดการรุกคืบของรัสเซียในแคว้นคาร์คิฟ เมื่อเร็วๆ นี้
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ระบุว่าการรุกคืบดังกล่าวเป็นการตอบโต้ที่ยูเครนยิงปืนใหญ่และส่งโดรนโจมตีแคว้นเบลโกรอดของรัสเซียต่อเนื่องมานานหลายเดือน และพวกเขามีความจำเป็นต้องจัดทำแนวกันชน เพื่อลดทอนศักยภาพของเคียฟในการโจมตีเช่นนั้น ในขณะที่นิวยอร์กไทม์ส ระบุว่าอาวุธของยูเครนนั้นเทียบไม่ได้กับอาวุธของสหรัฐฯ ทั้งในแง่ของพลังการทำลายและความเร็ว
เคียฟได้ดำเนินการรณรงค์ล็อบบี้บรรดาสมาชิกสภาคองเกรส เพื่อให้กดดันทำเนียบขาวในประเด็นนี้ และเมื่อวันจันทร์ (20 พ.ค.) กลุ่มสมาชิกรัฐสภาบางส่วนได้ลงนามในจดหมายที่ส่งถึง ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เรียกร้องให้อนุมัติตามคำขอของยูเครน
ระหว่างให้ปากคำกับสภาคองเกรสเมื่อวันอังคาร (21 พ.ค.) วุฒิสมาชิก ไมเคิล แม็คคอล นำแสดงแผนที่หนึ่งซึ่งเผยให้เห็นถึงพิสัยการโจมตีของขีปนาวุธ ATACMS อาวุธที่สหรัฐฯ บริจาคให้ยูเครน หากว่าเคียฟได้รับไฟเขียวให้โจมตีภายในดินแดนรัสเซีย และกล่าวหารัฐบาลไบเดน กำลังพยายามมัดมือมัดเท้ายูเครน
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี เรียกร้องให้นาโตเข้าพัวพันในความขัดแย้งมากขึ้น และเร่งเร้าตะวันตกไม่ควรหวั่นเกรงต่อปฏิกิริยาของรัสเซีย ทำให้รัสเซียเชื่อว่า เป้าหมายที่แท้จริงของ เซเลนสกี คือ โหมกระพือสถานการณ์ให้ลุกลามบานปลายเพื่อรักษาเก้าอี้ของตนเอง
ก่อนหน้านี้มีคำเตือนหลายต่อหลายครั้งจากรัสเซีย เกี่ยวกับความขัดแย้งทางนิวเคลียร์ ในนั้นรวมถึงกรณีที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนมีนาคมว่ารัสเซียพร้อมที่จะทำ "สงครามนิวเคลียร์" หากอธิปไตยของชาติโดนคุกคาม
ในวันอังคาร (21 พ.ค.) รัสเซียได้ทำการซ้อมรบนิวเคลียร์ทางยุทธวิธี ซึ่งเกี่ยวกับการป้อนอาวุธนิวเคลียร์จากสถานที่จัดเก็บไปยังทหาร และการเตรียมพร้อมสำหรับเปิดฉากยิง การซ้อมรบครั้งนี้มีเป้าประสงค์คือแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของรัสเซียในการตอบโต้ภัยคุกคามจากภายนอกใดๆ ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดที่ลุกลามกับตะวันตก
(ที่มา : นิวยอร์กไทม์ส/อาร์ทีนิวส์)