มีเสียงเรียกร้องจากบรรดาพนักงานต้อนรับบนเที่ยวบินและเหล่านักบินทั้งหลาย ขอให้พวกผู้โดยสารใส่ใจในการคาดเข็มขัดนิรภัย ตามหลังเหตุการณ์เครื่องบินลำหนึ่งของสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ ต้องเผชิญกับหลุมอากาศรุนแรงเมื่อวันอังคาร (21 พ.ค.) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บหลายสิบคน ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อเที่ยวบินนี้อาจเจอกับสิ่งที่มองไม่เห็น ที่เรียกว่า Clear Air Turbulence หรือความปั่นป่วนในอากาศแจ่มใส
เที่ยวบินจากลอนดอนมุ่งหน้าสู่สิงคโปร์ ตกหลุมอากาศอย่างรุนแรงเหนือมหาสมุทรอินเดีย และดิ่งลง 6,000 ฟุต (ราว 1,800 เมตร) ภายในเวลาเพียงแค่ 3 นาที ก่อนลงจอดฉุกเฉินในกรุงเทพฯ
สายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ ไม่ได้ระบุว่าเครื่องบินเผชิญกับหลุมอากาศลักษณะใด แต่พวกผู้เชี่ยวชาญด้านการบินสงสัยว่ามันน่าจะเป็น Clear Air Turbulence (ความปั่นป่วนในอากาศแจ่มใส) ซึ่งเป็นรูปแบบของหลุมอากาศที่อันตรายที่สุด
เมฆทุกชนิดที่เกิดขึ้นในท้องฟ้าสามารถใช้เป็นสัญญาณเตือนให้ทราบถึงความปั่นป่วนได้ว่ารุนแรงมากน้อยเพียงใด ซึ่งนักบินจะต้องเลือกว่าจะหลีกเลี่ยงหรือบินผ่านเข้าไปในเมฆชนิดนั้นหรือไม่
แต่มีความปั่นป่วนอีกชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่มีสิ่งเตือนใดๆ ที่มองเห็นได้ ที่ผ่านมามีเครื่องบินจำนวนมากที่บินอยู่ในบริเวณที่ไม่มีก้อนเมฆปรากฏอยู่เลย แต่เครื่องบินได้รับการกระแทกหรือราวกับถูกจับโยนเหมือนกับเรือที่แล่นอยู่ในทะเลที่เต็มไปด้วยระลอกคลื่น ซึ่งเรียกความปั่นป่วนในลักษณะนี้ว่า ความปั่นป่วนในอากาศแจ่มใส
Clear Air Turbulence หรือ CAT แทบไม่สามารถตรวจจับได้ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน นั่นหมายความว่ามันสามารถเล่นงานเครื่องบินโดยปราศจากสัญญาณเตือนใดๆ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่พวกผู้โดยสารบนเครื่องบินต้องคาดเข็มขัดนิรภัยอยู่ตลอดเวลา
กฎหมายบังคับใช้สายการบินต่างๆ เปิดไฟสัญญาณเตือนการคาดเข็มขัดระหว่างเทกออฟและลงจอดของเครื่องบิน แต่ปล่อยให้สายการบินทั้งหลายมีแนวทางปฏิบัติของตนเองในการรับมือกับสถานการณ์ตกหลุมอากาศบนท้องฟ้า
ผู้เห็นเหตุการณ์รายหนึ่งบนเที่ยวบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ เผยว่า มีคนจำนวนมากที่ไม่ได้คาดเข็มขัด ถูกเหวี่ยงกระเด็นกระดอนไปทั่วห้องโดยสาร ตอนที่เครื่องบินลดระดับลงอย่างกะทันหัน หลายคนศีรษะกระแทกกับเพดาน
ซารา เนลสัน ประธานระหว่างประเทศของสมาคมพนักงานต้อนรับบนเที่ยวบิน CWA ซึ่งเป็นตัวแทนพนักงานต้อนรับบนเที่ยวบินกว่า 50,000 ราย ณ สายการบิน 20 แห่ง ระบุว่ากรณีตัวอย่างของ CAT กำลังเกิดขึ้นบ่อยครั้งขึ้น และด้วยมันไม่สามารถสังเกตเห็นได้ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยระหว่างเที่ยวบิน "มันเป็นเรื่องสำคัญที่กั้นระหว่างการมีชีวิตกับความตายเลยทีเดียว"
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเครื่องบินที่เกี่ยวข้องกับหลุมอากาศ เป็นรูปแบบอุบัติเหตุที่พบเห็นมากที่สุด จากผลการศึกษาของคณะกรรมการความปลอดภัยการขนส่งแห่งชาติสหรัฐฯ ในปี 2021
แอนโทนี บริคเฮาส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยการบินและอวกาศ แนะนำให้พวกผู้โดยสารลดความเคลื่อนไหวให้เหลือน้อยที่สุดบนเที่ยวบิน และคาดเข็มขัดอยู่ตลอดเวลา โดยไม่พิจารณาว่าไฟสัญญาณเตือนให้คาดเข็มขัดเปิดอยู่หรือไม่
สายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ส บังคับให้นักบินของบริษัทเปิดไฟสัญญาณเตือนคาดเข็มขัดอยู่ตลอด และจะสั่งให้พวกผู้โดยสารและพนักงานต้อนรับบนเที่ยวบินนั่งลงในทันที ยามที่เผชิญกับหลุมอากาศรุนแรง
หลังจากนั้นพนักงานต้อนรับบนเที่ยวบินจะนั่งประจำที่จนกว่าจะมีการแจ้งเพิ่มเติมมาจากกัปตัน หรือสัญญาณเตือนคาดเข็มขัดถูกปิดลง ทั้งนี้สายการบินอื่นๆ ก็มีขั้นตอนปฏิบัติคล้ายๆ กัน
อย่างไรก็ตาม นักบินและพนักงานต้อนรับบนเที่ยวบินบางส่วน ให้ข้อมูลว่าการเปิดไฟเตือนคาดเข็มขัดอยู่ตลอดเที่ยวบิน กลับกลายเป็นไฟย้อนศร เพราะว่าพวกผู้โดยสารเริ่มชินชาและเพิกเฉยต่อสัญญาณเตือน
(ที่มา : รอยเตอร์)