ด้วยช่วงเวลาแวบๆ เพียง 3 นาทีที่เที่ยวบิน SQ321 ของสิงคโปร์แอร์ไลน์ตกหลุมอากาศลึก7,000 ฟตุ หรือกว่า 2 กิโลเมตร ดุเดือดสุดๆ ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การบินโลกนั้น สารพัดโศกนาฏกรรมอุบัติขึ้น คุณปู่ชาวอังกฤษวัย 73 ปี ชะตาขาด หัวใจวายตาย 1 ราย ขณะเดียวกันมีผู้โดยสารและลูกเรือรวม 7 รายบาดเจ็บสาหัสเพราะศีรษะกระทบกระเทือนรุนแรงภายในไฟลท์มรณะ ซึ่งเดินทางจากกรุงลอนดอนมุ่งหน้าสู่เมืองลอดช่องในช่วงบ่ายๆ เย็นๆ เมื่อวันอังคารที่ 21 พฤษภาคม 2024 ขณะเดินทางเหนือน่านน้ำอ่าวเบงกอลแห่งทะเลอันดามัน และอีกราว 2 ชั่วโมงก็จะถึงที่หมายแล้ว
เดอะซัน สื่อยักษ์ชั้นแนวหน้าของประเทศอังกฤษรายงานว่าเครื่องบินโบอิง 777-300 อีอาร์ ของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ ซึ่งมีชื่อเสียงดีงามว่าเป็นผู้ให้บริการคมนาคมขนส่งที่ปลอดภัยสูงสุดรายหนึ่งในอุตสาหกรรมการบินโลก เผชิญวิกฤตการณ์เครื่องบินตกหลุมอากาศครั้งร้ายแรงในท่ามกลางสภาพอากาศแปรปรวนจากพายุ ณ ระดับความสูง 38,000 ฟุต บุ๋มลงโครมกระแทกมวลอากาศอีกทีที่ระดับ 31,000 ฟุต จุดชนวนความโกลาหลกลางอากาศ โดยผู้โดยสารและลูกเรือหลายสิบชีวิตที่มิได้อยู่บนนั่งรัดเข็มขัด ถูกแรงเหวี่ยงล้มลงพื้น แต่แตะพื้นไม่ถึงครึ่งวินาที ก็ถูกเพดานเครื่องบินกระแทกฟาดลงมาอย่างจัง ส่วนใหญ่โดนเข้าจังๆ ที่ศีรษะ ทำให้บาดเจ็บสาหัสด้วยอาการศีรษะถูกกระทบกระเทือนรุนแรงมากถึง 7 ราย บางรายมีเลือดไหลโกรกออกจากจมูก ฯลฯ
สิงคโปร์แอร์ไลน์เที่ยวบินที่ SQ321 ทะยานเหินฟ้าจากท่าอากาศยานนานาชาติฮีทโธรว์เมื่อวันจันทร์ (20) เวลา 10.00 นาฬิกาเศษ พร้อมผู้โดยสาร 211 ราย และคณะลูกเรือจำนวน 18 ราย
ในเวลา 15.45 น. หรือราว 11 ชั่วโมงจากช่วงการเดินทางทั้งหมด 13 ชั่วโมงเพื่อไปสู่จุดหมายคือ ประเทศสิงคโปร์ ณ 18.10 น.นั้น โบอิง 777-300 อีอาร์ ซึ่งฟันฝ่าสภาพอากาศพายุอย่างทรหดเหนือน่านน้ำอันดามัน จู่ๆ ก็ประสบกับพิบัติภัยกลางเวิ้งฟ้า ตกหลุมอากาศอย่างร้ายแรง ซึ่งขณะนั้นผู้โดยสารแต่ละคนกำลังรับประทานอาหาร เดอะซันรายงานอย่างนั้น
ด้วยขนาดของความบาดเจ็บเสียหายมหาศาล กัปตันรีบติดต่อขออนุญาตทางการไทยเพื่อลงจอดฉุกเฉินในประเทศไทย
พร้อมรายงานถึงการเสียชีวิตของคุณปู่เจฟ คิทเชน ผู้โดยสารชาวอังกฤษ วัยเกษียณอายุ 73 ปี ซึ่งเดินทางมากับภรรยา ในชั้นพรีเมียมอีโค ราคาประหยัดที่หรูสบายมากขึ้น โดยรายงานของรอยเตอร์ระบุว่าสาเหตุของการเสียชีวิตอาจเป็นปัญหาจากหัวใจวาย ทั้งนี้ คุณปู่มีขดลวดในหลอดเลือดหัวใจเพื่อขยายหลอดเลือดจากการผ่าตัดทำบอลลูนเมื่อไม่กี่ปีมานี้
ในเวลา 16.10 น. ของประเทศไทย สิงคโปร์แอร์ไลน์ที่ประสบวิบัติภัยอันสุดความสามารถจะป้องกัน ก็ได้ลงจอดฉุกเฉินที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เพื่อให้ผู้คนกว่า 30 ชีวิตที่บาดเจ็บได้รับความช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด
เดอะซันรายงานอย่างละเอียดว่าสภาพหลังการตกหลุมอากาศมรณะนี้ ชวนให้ช็อกกันอย่างหนัก ตามพื้นทางเดินเกลื่อนกระจายไปด้วยอาหารและจานชามช้อนส้อมถาดที่ถูกเหวี่ยงตามพลังร้ายของโมเมนตัมขณะเครื่องบินตกโครมลงไปลึกถึง 7,000 ฟุต หรือมากกว่า 2 กิโลเมตร (2,100 เมตร)
ระทึกขวัญขั้นสุด!! คำบอกเล่าถึงเหตุการณ์ตกหลุมอากาศ 2 กิโลเมตรโดยผู้โดยสารในไฟลท์มรณะ คือ ช็อกกิง
“จู่ๆ เครื่องบินเอียงอะครับ และก็เขย่าๆๆ ผมรีบรัดเข็มขัดนิรภัยเตรียมเจอกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นทันทีเลย และมันปุบปับมาก เครื่องร่วงลงเร็วสุดๆ อย่างกับในหนังน่ะครับ ใครซึ่งนั่งอยู่ แต่ไม่ได้รัดเข็มขัดนิรภัย จะโดนเพดานฟาดลงมากระแทกศีรษะจังๆ” เล่าไว้โดย ดาฟราน อัซมีร์ หนุ่มนักศึกษาวัย 28 ปี ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุและปลอดภัยดี
“ผมเห็นศีรษะของหลายคนฟาดเปรี้ยงกับช่องเก็บกระเป๋าเหนือศีรษะ มันแรงมากจนฝาปิดช่องนี่บุบยุบเข้าไป แล้วบางคนกระแทกกับแผงช่องติดหลอดไฟและเก็บหน้ากากออกซิเจน แผงนั่นฉีกหักทะลุขึ้นไปเลย แผงบางอันก็ตกห้อยลงมา” ดิอินดีเพนเดนท์ สื่อชื่อดังอีกค่ายหนึ่งของอังกฤษรายงานว่าหนุ่มนักศึกษาเล่าไว้อย่างนั้น
นอกจากนั้น สภาพของพื้นที่ปฏิบัติงานสำหรับแอร์โฮสเตสจุดหนึ่ง คือดุเดือดราวระเบิดลง เพดานฉีกร่วง เห็นท่อต่างๆ กันกระจะตา และที่น่าสะเทือนใจคือ สาวแอร์โฮสเตสรายหนึ่งได้รับบาดเจ็บน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง จมูกของเธอมีเลือดไหลโกรกออกมา
ด้านเดอะซันถ่ายทอดคำบอกเล่าของผู้โดยสาร นาม แอนดริว เดวิส ว่า
“พวกแอร์โฮสเตสและสจ๊วตของสิงคโปร์แอร์ไลน์ทำงานกันทรหดเหลือเกิน อะไรที่เป็นปัญหา ก็จะรีบเข้าไปดำเนินการ ผมเห็นพวกเขาทุกคนล้วนแต่ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ยังปฏิบัติหน้าที่สุดความสามารถ”
แอนดริว เดวิส บอกด้วยว่าทุกสิ่งปุบปับฉุกละหุกไปหมด “แทบจะไม่มีการเตือนอะไรเกี่ยวกับหลุมอากาศ ก่อนที่เครื่องจะ “ตกวูบ ลงไปเฉยเลย”
“มีผู้ที่ต้องแอทมิทเข้าเป็นผู้ป่วยในจำนวน 12 ราย และอีก 18 ราย รับการรักษาเป็นผู้ป่วยนอก” เดอะซันรายงานว่าโฆษกของสิงคโปร์แอร์ไลน์แถลงอย่างนั้น
ในเวลาเดียวกัน รอยเตอร์รายงานว่ามีลูกเรือรายหนึ่งอยู่ในจำนวน 12 รายที่ต้องแอทมิท และในจำนวน 12 รายนี้ เป็นกรณีบาดเจ็บสาหัสเพราะสมองกระทบกระเทือนรุนแรง
สำหรับผู้โดยสารอื่นๆ ก็รอขึ้นเครื่องบินลำใหม่เพื่อเดินทางต่อไปยังสิงคโปร์ โดยในระหว่างรออยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทุกคนได้รับการตรวจสุขภาพเพื่อความแน่ใจว่าแข็งแรงปลอดภัยดี ผู้ที่มีอาการบาดเจ็บเล็กน้อยจะได้รับการรักษาโดยทันที
ทั้งนี้ รัฐบาลสิงคโปร์ส่งทีมแพทย์และพยาบาลมายังกรุงเทพฯ เพื่อเสริมทีมแพทย์ของไทยด้วย
เมื่อปีที่แล้ว เครื่องโบอิง 777-300 อีอาร์ ของสายการบินบริติชแอร์เวยส์ ประสบวิกฤตละม้ายกับครั้งนี้ ด้วยการตกหลุมอากาศที่ความสูง 30,000 ฟุต แต่ผู้บาดเจ็บหนักมีเพียง 5 ราย โดยเป็นทีมลูกเรือทั้งหมด
ด้านผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าการมีผู้เสียชีวิตขณะเครื่องบินตกหลุมอากาศนั้น เป็นกรณียากมากๆ ที่จะเกิดขึ้น
และในส่วนของการบาดเจ็บเมื่อมีวิกฤติการณ์ตกหลุมอากาศนั้น ปัจจัยแวดล้อมมักจะเป็นเรื่องที่ว่า ผู้โดยสารไม่รัดเข็มขัดนิรภัยขณะอยู่บนที่นั่ง และปัจจัยที่ว่ากำลังยืนหรือเดินไปมา ตลอดจนยืนรอหน้าห้องน้ำ ขณะเกิดเหตุฉุกเฉินร้ายแรงนี้
ผู้เชี่ยวชาญจึงย้ำว่าการรัดเข็มขัดนิรภัยตลอดการเดินทางบนเครื่องบิน เป็นสิ่งที่สมควรทำอย่างยิ่ง เพื่อลดความเสี่ยงได้มากที่สุด
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา: เดอะซัน รอยเตอร์ ดิอินดีเพนเดนท์)