xs
xsm
sm
md
lg

สื่อตะวันตกชื่นชม “ไช่ อิงเหวิน” เป็นหญิงเหล็กแห่งไต้หวันก่อนส่งไม้ต่อวันจันทร์ หลัง รมว.ต่างประเทศไทเปเย้ยแรง “จีน-รัสเซีย” กอดกันเพื่อขยายพรมแดนตัวเอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอเจนซีส์/เอพี/MGRออนไลน์ - สื่อตะวันตกชื่นชมประธานาธิบดีไต้หวัน ไช่ อิงเหวิน ที่กำลังจะส่งมอบตำแหน่งให้ผู้นำคนใหม่วันจันทร์ (20 พ.ค.) เป็นผู้นำไทเปคนแรกที่เขียนวิธีการจัดการกับความสัมพันธ์กับปักกิ่งใหม่หมด ยืนยันต่อกรกับจีนต้องเพิ่มความมั่นคงทางการทหาร หลังก่อนหน้ารัฐมนตรีต่างประเทศไทเปแสดงความเห็นการเยือนจีนของผู้นำรัสเซียชี้ ทั้ง 2 ฝ่ายต่างช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพื่อขยายอาณาเขตพรมแดนประเทศของตัวเอง

บีบีซีของอังกฤษรายงานวันเสาร์ (18 พ.ค.) ว่า ในวันจันทร์ (20) ประธานาธิบดีหญิงไต้หวัน ไช่ อิงเหวิน (Tsai Ing-wen) ผู้ที่เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ไต้หวันในการจัดการความสัมพันธ์กับจีนแผ่นดินใหญ่ตามการชื่นชมจากตะวันตก ในขณะที่บรรดาผู้ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ไม่เห็นด้วยกับเธอแสดงความวิตกมากที่สุดว่า ไช่จะทำให้ไต้หวันที่เป็นหมู่เกาะที่สงบสุขและสวยงามและมีประชากรอาศัยไม่ต่ำกว่า 23 ล้านคนจะต้องมีชีวิตตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวงหากต้องเกิดสงครามขึ้นจริง

บีบีซีชี้ว่า ไช่ถือเป็นผู้หญิงแกร่งและเป็นเสมือนหญิงเหล็กแห่งไต้หวันไม่ต่างจากอดีตผู้นำหญิงเหล็กแห่งอังกฤษ อดีตนายกรัฐมนตรี มาร์กาเรต แทตเชอร์ ซึ่งไช่ไม่ปิดบังต่อความรู้สึกชื่นชมในตัวแทตเชอร์ในการให้สัมภาษณ์ที่พักประจำตำแหน่งพร้อมกับแมวตัวโปรดสีดำ เซียง เซียง (Xiang Xiang) ไม่ต่างจากที่ถนนดาวนิงมีแมวสุดฮิตชื่อ แลร์รีย์ (Larry)

ไช่ทำให้ไต้หวันโดดเด่นและปักหมุดบนแผนที่โลกในฐานะผู้นำของไทเปที่มีแค่ช่องแคบไต้หวันกั้นระหว่างไต้หวันและจีนแผ่นดินใหญ่ เธอยืนหยัดต่อการเพิ่มแรงกดดันทางอำนาจนิยมและความก้าวร้าวจากจีนของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ที่ได้เห็นการสั่งซ้อมรบครั้งมโหฬารรอบไต้หวันของจีน และการส่งฝูงเครื่องบินรบล้ำเส้นเมอริเดียนเข้าสู่เขตป้องกันตัวเองทางอากาศของไต้หวันครั้งแล้วครั้งเล่า

บีบีซีชี้ว่า ไช่ซึ่งย้ำว่าการเสริมอำนาจการป้องกันประเทศให้แก่ไต้หวัน 'เป็นสิ่งสำคัญ' ในการรับมือจีน ทำให้ในช่วงระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา ไช่กระชับความสัมพันธ์แนบแน่นกับอเมริกาตั้งแต่สมัยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มาจนถึงสมัยประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบัน โจ ไบเดน

และในการปรับปรุงและสร้างกำแพงความแข็งแกร่งทางการทหารใหม่ ในตลอด 8 ปีของการดำรงตำแหน่ง ไช่ อิงเหวิน ได้ปลุกขวัญกำลังใจของเหล่าทหารหาญที่เคยอ่อนแรงขึ้นใหม่และเปลี่ยนแปลงยุทโธปกรณ์ทางการทหารของกำลังภาคพื้นที่แต่เดิมขาดแคลน ซึ่งเป็นเสมือนงานเข็นครกขึ้นภูเขา บีบีซีชี้แต่ผลลัพธ์ได้เริ่มแสดงออกมาให้เห็น งบประมาณกลาโหมไต้หวันประจำปีเพิ่มราว 20 พันล้านดอลลาร์

“ความสามารถทางการทหารของพวกเรานั้นแข็งแกร่งมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับ 8 ปีก่อนหน้า การลงทุนที่พวกเราวางไว้ต่อความสามารถกองทัพนั้นเกิดขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน” ไช่กล่าวอย่างภาคภูมิใจ

และไต้หวันหันหน้าหาตะวันตกมากขึ้นนอกจากจะขยายการป้องกันประเทศแล้วไทเปยังเป็นแห่งแรกในเอเชียที่ไฟเขียวอนุญาตการแต่งงานของกลุ่ม LGBTQ+ ซึ่งเป็นเสมือนการขยายโอกาสสิทธิครอบคลุมไปยังคนกลุ่มอื่นๆ ที่สอดคล้องไปกับค่านิยมเสรีภาพเบ่งบานของตะวันตกยังไงยังงั้น

ขณะเดียวกัน ในอีกฟากฝั่ง ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน เดินทางไปเยือนจีน สวมกอดผู้นำจีนประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ต่อหน้ากล้องและกองทัพสื่อมวลชน พร้อมยืนยันว่าทั้งรัสเซียและจีนมีความสัมพันธ์แนบแน่นระหว่างกันแบบไม่จำกัดท่ามกลางแรงกดดันมากขึ้นจากโลกตะวันตก ซึ่งในเวลานี้รัสเซียกำลังติดพันสงครามในยูเครน สร้างความวิตกไปทั่วยุโรปว่ารัสเซียอาจฉวยโอกาสรุกรานพ้นดินแดนยูเครนลึกเข้าไปในยุโรป

เดลีเมลของอังกฤษเคยรายงานวันที่ 13 พ.ค.ว่า เบอร์ลินกำลังพิจารณาเตรียมปัดฝุ่นรื้อกฎหมายสั่งเกณฑ์ทหารพลเมืองอายุ 18 ปีทุกคนเพื่อเตรียมรับมือหากว่าเกิดสถานการณ์รัสเซียรุกรานยุโรป

ส่วนจีนนั้นมีแผนการรุกรานไต้หวันและการใช้แผนที่เส้นประใหม่ประกาศอาณาเขตครอบครองในทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมด และเมื่อไม่นานมานี้มีปัญหาการเผชิญหน้าทางทะเลกับฟิลิปปินส์

รัฐมนตรีไต้หวัน โจเซฟ วู (Joseph Wu) ออกมาแสดงความเห็นกับเอพีในรายงานวันศุกร์ (17) วิจารณ์ว่า เหมือนทั้ง 2 ฝ่ายต่างช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพื่อช่วยกันขยายอาณาเขตพรมแดนประเทศของตัวเองให้ขยายออกไปในโลกสมัยใหม่

“ประธานาธิบดีปูตินเยือนกรุงปักกิ่งเป็นตัวอย่างของ 2 ประเทศอำนาจนิยมที่ต่างสนับสนุนซึ่งกันและกัน ทำงานร่วมกัน สนับสนุนการลัทธิการขยายอาณาเขตซึ่งกันและกัน”

ซึ่งที่ผ่านมา รัสเซียและปักกิ่งร่วมกันซ้อมรบในมหาสมุทรแปซิฟิกเพื่อแสดงแสนยานุภาพมาแล้ว

วูกล่าวต่อว่า “หากยูเครนต้องแพ้ในที่สุด ผมคิดว่าจีนจะต้องมองมันเป็นเสมือนแรงบันดาลใจ และพวกเขาอาจจะเพิ่มมาตรการที่ทะเยอทะยานในการขยายอำนาจของพวกเขาในอินโด-แปซิฟิก และมันจะกลายเป็นหายนะสำหรับประชาคมโลก”

ทั้งนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศไทเปกล่าวว่าความตึงเครียดในทะเลจีนใต้ที่เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติใต้ทะเลและเส้นทางการค้าระหว่างประเทศที่สำคัญนั้น “ร้ายแรงมากกว่า” สิ่งที่เกิดในช่องแคบไต้หวันและมันบ่งชี้ไปถึงความทะเยอทะยานของจีนในการขึ้นเป็นมหาอำนาจในภูมิภาค








กำลังโหลดความคิดเห็น