ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียเป็นประธานในพิธีสวนสนามเฉลิมฉลอง “วันแห่งชัยชนะ” 9 พ.ค. ซึ่งตรงกับวันที่สหภาพโซเวียตมีชัยเหนือกองทัพนาซีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 พร้อมระบุว่าชาติตะวันตกกำลังทำให้ความขัดแย้งแผ่ขยายลุกลามไปทั่วโลก ทว่าตนจะไม่มีวันยอมให้ผู้ใดคุกคามรัสเซีย
ปูติน ยังกล่าวหาพวกผู้นำตะวันตกว่า “หยิ่งผยอง” จนลืมไปหมดว่าสหภาพโซเวียตเคยมีบทบาทสำคัญอย่างไรในการทำให้นาซีพ่ายแพ้
“เราทราบดีว่าความทะเยอทะยานเช่นนั้นจะนำไปสู่อะไร รัสเซียจะทำทุกวิถีทางเพื่อป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งลุกลามไปทั่วโลก” ปูติน กล่าวในพิธีสวนสนามซึ่งจัดขึ้นที่จัตุรัสแดงใจกลางกรุงมอสโก ท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายลงมาในช่วงเดือน พ.ค.
“แต่ในขณะเดียวกัน เราก็จะไม่ปล่อยให้ใครมาข่มขู่คุกคามเรา กองกำลังทางยุทธศาสตร์ของเราอยู่ในสภาวะเตรียมพร้อมรบตลอดเวลา”
ปูติน ส่งทหารบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ปี 2022 โดยอ้างว่าเป็นการต่อสู้เพื่อต้านทานการคุกคามของตะวันตกที่หยามเกียรติรัสเซียเรื่อยมานับตั้งแต่กำแพงเบอร์ลินถูกทำลายลงในปี 1989 ด้วยความพยายามรุกล้ำเข้าไปในเขตอิทธิพลของรัสเซียมากขึ้นเรื่อยๆ
ในทางกลับกัน รัฐบาลเคียฟและตะวันตกกล่าวหารัสเซียว่ามีเจตนาใช้กำลังยึดดินแดนเพื่อนบ้านไม่ต่างจากนักล่าอาณานิคม และประกาศจะหยิบยื่นความพ่ายแพ้ให้มอสโก ซึ่งเวลานี้ควบคุมดินแดนยูเครนอยู่ราว 18% ซึ่งได้แก่ แหลมไครเมียและ 4 ภูมิภาคทางตะวันออกของยูเครน
รัสเซียระบุว่า ดินแดนเหล่านี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิรัสเซียมาก่อน และปัจจุบันก็ได้ถูก “ผนวก” กลับมาเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียแล้ว
สหภาพโซเวียตสูญเสียประชากรไปถึง 27 ล้านคนจากผลของสงครามโลกครั้งที่ 2 ในจำนวนนี้รวมถึงพลเมืองหลายล้านชีวิตในยูเครน ทว่าสุดท้ายก็สามารถผลักดันกองทัพนาซีให้ถอยร่นกลับไปยังเบอร์ลิน นำมาซึ่งการฆ่าตัวตายของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ และธงชาติโซเวียตได้ถูกนำไปชูขึ้นเหนืออาคารรัฐสภาไรช์สทาค (Reichstag) ในปี 1945
“พวกตะวันตกอยากจะลืมบทเรียนของสงครามโลกครั้งที่ 2” ปูติน กล่าว พร้อมระบุว่ารัสเซียยกย่องพันธมิตรทุกประเทศที่เคยมีส่วนร่วมในการเอาชนะนาซีเยอรมนี อีกทั้งยังเอ่ยถึงเรื่องที่ “จีน” เคยต่อต้านลัทธิทหารนิยมของญี่ปุ่นด้วย
การยอมแพ้แบบไม่มีเงื่อนไขของนาซีเยอรมันเกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.01 น. ของวันที่ 8 พ.ค. ปี 1945 ซึ่งรัฐบาลฝรั่งเศส อังกฤษ และสหรัฐฯ ยกให้เป็น “วันแห่งชัยชนะในยุโรป” (Victory in Europe Day) ขณะที่มอสโกในเวลานั้นย่างเข้าสู่วันใหม่แล้ว จึงถือเอาวันที่ 9 พ.ค. เป็นวันแห่งชัยชนะของสหภาพโซเวียต
สำหรับพิธีสวนสนามกองทัพรัสเซียในปีนี้ถือว่าลดขนาดลงมาพอสมควรเนื่องจากอยู่ในภาวะสงคราม โดยมีการนำรถถัง T-34 ออกมาแสดงเพียง 1 คัน และมีฝูงเครื่องบินของกองทัพอากาศปล่อยควันสีน้ำเงิน แดง ขาว ตามสีธงชาติรัสเซียเหนือท้องฟ้ากรุงมอสโก
อย่างไรก็ตาม รัสเซียได้นำขีปนาวุธข้ามทวีปทางยุทธศาสตร์ Yars ออกมาร่วมพิธีสวนสนามด้วย ซึ่งผู้ประกาศข่าวโทรทัศน์ของรัสเซียบรรยายว่า “มีศักยภาพเชื่อถือได้ในการโจมตีเป้าหมายทุกแห่งบนโลก”
แขกผู้มีเกียรติต่างชาติที่เดินทางมาร่วมพิธีมีเพียงผู้นำจากเบลารุส คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน ทาจิกิสถาน เติร์กเมนิสถาน อุซเบกิสถาน คิวบา ลาว และกินี-บิสเซา ทว่าไร้เงาผู้นำจากชาติตะวันตก
ที่มา : รอยเตอร์