xs
xsm
sm
md
lg

บริษัทจีนพากันไปประกอบรถอีวีในยุโรป เพื่อหลบหลีกไม่ถูกอียูกีดกันเรียกเก็บภาษีเพิ่ม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: เจฟฟ์ เปา


รถยนต์อีวี เชอรี Tiggo 8 จัดแสดงในงานปักกิ่งออโต้โชว์ เมื่อวันที่ 25 เมษายน ที่ผ่านมา
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)

Chinese firms to assemble EVs in Europe, duck tariffs
By JEFF PAO
16/04/2024

เชอรี วางแผนการที่จะซื้อโรงงานเก่าแห่งหนึ่งของนิสซันในเมืองบาร์เซโลนา และเปลี่ยนให้มันกลายเป็นสถานที่ตั้งโรงงานผลิตรถอีวีแห่งแรกในยุโรปของบริษัท ขณะที่พวกผู้ผลิตรถอีวีจีนรายสำคัญอื่นๆ ต่างมีแผนการจะไปตั้งฐานโรงงานผลิตของพวกเขาขึ้นในยุโรปเหมือนกัน

พวกผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (electric vehicle หรือ EV) จีน ต่างกำลังผลักดันเดินหน้าแผนการของพวกเขาในการสร้างศักยภาพความสามารถทางการผลิตขึ้นในยุโรป เพื่อเป็นหนทางในการหลบเลี่ยงการถูกจัดเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มพิเศษซึ่งสหภาพยุโรปทำท่าจะนำออกมาบังคับใช้

ประธานกรรมการบริหาร (President) ของ เชอรี ออโตโมบิล (Chery Automobile) อิ๋น ตงเย่ (Tongyue) กล่าว [1] เมื่อวันที่ 14 เมษายนว่า เร็วๆ นี้ บริษัทของเขาจะเข้าซื้อโรงงานเก่าแห่งหนึ่งของนิสสันในเมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน และเปลี่ยนให้มันกลายเป็นสถานที่ตั้งโรงงานการผลิตแห่งแรกของเชอรีในยุโรป เขาบอกว่า การเปิดโรงงานแห่งนี้ขึ้นมาใหม่ หลังจากหยุดดำเนินงานไปเมื่อปี 2021 สามารถสร้างงานได้ราว 1,600 ตำแหน่ง

อิ๋น บอกด้วยว่า เชอรียังกำลังเจรจาหารือเรื่องการเป็นหุ้นส่วนกันกับ 2 แบรนด์ในยุโรป โดยที่ดีลเกี่ยวกับแบรนด์หนึ่งอาจจะสามารถจบลงได้ในเร็วๆ นี้ ทางด้านสื่อมวลชนจีนรายงาน [2] ว่า เชอรี กำลังเจรจาหารืออยู่กับ สเตลแลนทิส (Stellantis) กลุ่มกิจการรถยนต์อิตาลีที่เป็นเจ้าของแบรนด์เฟียต, ไครสเลอร์, และเปอร์โยต์

ขณะที่กระทรวงอุตสาหกรรมของสเปนระบุว่า ข้อตกลงที่จะให้ เชอรี เริ่มการผลิตในสเปนนั้น จะมีการทำความตกลงกันอย่างเป็นทางการในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
(หมายเหตุผู้แปล - ในวันที่ 19 เมษายน เชอรี กับหุ้นส่วนสัญชาติสเปน คือ อีโบร-อีวี มอเตอร์ส Ebro-EV Motors ร่วมกันแถลงข่าวว่า โรงงานใหม่ของพวกเขาในบาร์เซโลนา ซึ่งตั้งอยู่ที่โรงงานแห่งเก่าของนิสสัน มีแผนจะดำเนินการประกอบรถยนต์ ซึ่งส่วนใหญ่คือรถอีวี ให้ได้ 50,000 คันต่อปีภายในปี 2027 และเพิ่มเป็น 150,000 คันต่อปี ภายในปี 2029 โดยที่คาดหมายว่าจะว่าจ้างงานได้ 1,250 ตำแหน่ง ทั้งนี้จะเริ่มจ้างพนักงานเบื้องต้น 150 คนในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ รายงานข่าวของเอเอฟพีระบุว่า ข้อตกลงคราวนี้ซึ่งสำเร็จได้ด้วยการลงแรงเจรจากันอย่างยืดเยื้อระหว่างพวกหน่วยงานรับผิดชอบของสเปนกับเชอรี ได้รับการประกาศออกมาครั้งแรกในวันที่ 16 เมษายน ทว่าไม่มีการให้รายละเอียดใดๆ จากนั้นจึงมีการจัดพิธีลงนามข้อตกลงอย่างเป็นทางการที่โรงงาน โดยฝ่ายสเปนมีนายกรัฐมนตรี เปโดร ซานเชซ เข้าร่วม มีการเปิดเผยว่ากิจการร่วมทุนระหว่าง 2 บริษัทแห่งนี้จะมีฝ่ายสเปนเป็นผู้ถือหุ้นส่วนข้างมาก ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.businesstimes.com.sg/companies-markets/transport-logistics/chinese-carmaker-chery-employ-1-250-people-spanish-plant)

เชอรี ยังกำลังพูดจากับรัฐบาลอิตาลีเกี่ยวกับการสร้างโรงงานแห่งหนึ่งขึ้นที่นั่น ทว่ายังคงมิได้มีการแถลงข้อมูลความคืบหน้าใดๆ ในขณะนี้

ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ จำนวนรถยนต์ส่งออกของบริษัทได้พุ่งสูงขึ้น 40.9% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนหน้า ไปอยู่ที่ 253,418 คัน เวลานี้บริษัทกำลังโฟกัสไปที่ตลาดในอเมริกาใต้, ตะวันออกกลาง, และรัสเซีย และจะเข้าสำรวจตลาดทางยุโรป อย่างที่สเปน, อิตาลี, โปแลนด์, และสหราชอาณาจักร ในช่วงต่อไปของปีนี้

พวกผู้ผลิตรถอีวีจีนรายสำคัญอื่นๆ ก็มีแผนการที่จะตั้งฐานโรงงานผลิตของพวกเขาขึ้นในยุโรปเหมือนกัน เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว บีวายดี (BYD) ที่ตั้งฐานอยู่ในเมืองเซินเจิ้น แถลง [3] ว่าจะสร้างโรงงานผลิตรถยนต์นั่ง (passenger car) แห่งหนึ่งที่เมืองเซเก็ด (Szeged) ประเทศฮังการี บริษัทแห่งนี้บอกอีกว่า โรงงานแห่งนี้จะมีความพิเศษโดดเด่นจนถือเป็นโรงงานชนิดนี้แห่งแรกที่สร้างขึ้นในยุโรปโดยบริษัทรถยนต์จีน ขณะที่สายการผลิตรถในโรงงานก็จะมีความก้าวหน้าล้ำยุค

ด้านเกรต วอลล์ มอเตอร์ (Great Wall Motor) ก็แถลง [4] ในปีที่ผ่านมาเช่นกันว่า บริษัทกำลังพิจารณาไตร่ตรองว่า ควรจะสร้างโรงงานแห่งแรกในยุโรปของพวกเขาขึ้นที่เยอรมนี, ฮังการี, หรือว่าสาธารณัฐเช็ก

สำหรับ เอสเอไอซี มอเตอร์ คอร์ป (SAIC Motor Corp) บอก [5] ว่า พวกเขากำลังพิจารณาจะจัดตั้งโรงงานขึ้นในสหราชอาณาจักร ถึงแม้ว่าประเทศนั้นได้ลาออกจากสหภาพยุโรปไปแล้วก็ตามที

เวลาเดียวกัน หอการค้าจีนเพื่อการนำเข้าและส่งออกเครื่องจักรกลและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ (China Chamber of Commerce for Import and Export of Machinery and Electronic Products หรือ CCCME) ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มทางอุตสาหกรรมที่ตั้งฐานอยู่ในกรุงปักกิ่ง แถลงว่า การสอบสวนเป็นระยะเวลา 13 เดือนที่เปิดขึ้นโดยสหภาพยุโรปตั้งแต่เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้วโดยมุ่งเล่นงานพวกผู้ผลิตรถอีวีจีนนั้น เป็นการกระทำที่ขาดความโปร่งใส และเป็นการละเมิดกฎระเบียบทางการค้าของโลก

ระหว่างไปให้ปากคำกับคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission หรือ EC อันเป็นองค์การบริหารของสหภาพยุโรป) สือ หยงหง (Shi Yonghong) รองประธานของ CCCME กล่าว [6] ว่า เขามีความกังวลว่า ผลที่ออกมาจากการสืบสวนของอียูเกี่ยวกับการนำเข้ารถอีวีจีน จะถูกบิดเบือนและถูกจัดทำขึ้นอย่างมีอคติ

สือให้ความเห็นว่า คณะกรรมาธิการยุโรปได้ถอยห่างออกจากหลักการของตนเองเสียแล้ว จากการคัดสรรผู้ผลิตรถอีวีจีนระดับท็อป อย่างเช่น บีวายดี, จีลี่ (Geely), และเอสเอไอซี มาทำการศึกษา และดูเหมือนมุ่งเน้นหนักอย่างมีจุดประสงค์อยู่เบื้องหลัง ไปที่ผู้ผลิตของจีน 3 รายนี้ เพื่อเดินหน้าไปสู่การค้นพบแบบที่มีการวินิจฉัยเอาไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วว่า มีการอุดหนุนชดเชย

เขากล่าวว่า การคัดสรรตัวอย่างศึกษาแบบมีอคติเช่นนี้ ทำให้กระบวนการสอบสวนทั้งหมดแปดเปื้อนไม่น่าเชื่อถือ เขาพูดด้วยว่าการสอบสวนครั้งนี้คือตัวอย่างอันสมบูรณ์แบบของการมีสองมาตรฐานมุ่งเลือกปฏิบัติของอียู เนื่องจากอียูหลีกเลี่ยงไม่ลงมือปฏิบัติการใดๆ เลยเพื่อต่อต้านมาตรการอุดหนุนชดเชยของรัฐบาลอเมริกันที่มีมูลค่า 400,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตลอดจนมาตรการอุดหนุนชดเชยมูลค่าหลายหมื่นล้านยูโรที่อียูให้แก่ภาครถอีวีและแบตเตอรีของยุโรป

ทางด้านโฆษกผู้หนึ่งของคณะกรรมาธิการยุโรปแถลงว่า การสอบสวนและการสืบสวนต่างๆ ของสหภาพยุโรปจะดำเนินไปโดยยึดมั่นปฏิบัติตามอย่างเต็มที่กับกฎระเบียบข้อผูกพันของอียูและกฎระเบียบข้อผูกพันระหว่างประเทศ เขาบอกว่าทางอีซีจะทำให้เป็นที่แน่ใจได้ว่าการสอบสวนเพื่อต่อต้านการอุดหนุนชดเชยครั้งนี้ จะดำเนินการกันอย่างถี่ถ้วนรอบด้าน, มีความเป็นธรรม, และอิงอยู่กับข้อเท็จจริง

ผลกระทบของการขึ้นภาษีศุลกากร

รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เจเน็ต เยลเลน ซึ่งเสร็จสิ้นทริปการเยือนจีนเป็นเวลา 6 วันของเธอเมื่อวันที่ 9 เมษายน ได้บอกกับโทรทัศน์ข่าวซีเอ็นเอ็น [7] ในวันที่ 14 เมษายนว่า สหรัฐฯจะไม่ “นำเอาอะไรออกมาจากโต๊ะทั้งนั้น” (หมายความว่า พร้อมที่จะใช้มาตรการทุกๆ อย่างที่สามารถใช้ได้ -ผู้แปล) ในการตอบโต้เรื่องความสามารถทางการผลิตด้านอุตสาหกรรมของจีน ซึ่งนี่ย่อมรวมถึงความเป็นไปได้ที่จะจัดเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มสูงขึ้นอีก เพื่อหยุดยั้งการไหลทะลักของสินค้าจีนราคาถูกเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ

“เรามีความวิตกเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่สินค้าส่งออกของจีน จะเข้าสู่ตลาดของเราแบบพุ่งพรวดในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งพวกเขามีความสามารถการผลิตอย่างมากมายมหาศาลเหลือเกิน” เธอกล่าว

เธอกล่าวว่าเธอได้บอกพวกเจ้าหน้าที่จีนไปว่า ปัญหาความสามารถการผลิตล้นเกินของจีน คือสิ่งที่สร้างความกังวลไม่เพียงให้แก่สหรัฐฯเท่านั้น แต่ยังแก่ประเทศอื่นๆ และภูมิภาคอื่นๆ อย่างเช่น ยุโรป และญี่ปุ่น และแม้กระทั่งพวกประเทศเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ รวมถึงอินเดีย, เม็กซิโก, และบราซิล

เฉกเช่นเดียวกับเมื่อปี 2019 ตอนที่คณะบริหารทรัมป์บังคับเก็บ [8] อัตราภาษีศุลกากรอีก 25% รวดเอากับบรรดาสินค้าจีนนำเข้า เพิ่มจากที่เก็บในอัตรา 2.5% อยู่แล้วตามปกติ ปัจจุบันพวกกิจการรถอีวีและแบตเตอรีจีนต่างพบว่าเป็นเรื่องยากลำบากมากที่จะพัฒนาตลาดสหรัฐฯของพวกเขาขึ้นมา

เมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเขาจึงหันไปสร้างโรงงานต่างๆ ขึ้นในเม็กซิโก ซึ่งเป็นประเทศที่ได้ลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีกับสหรัฐฯและแคนาดาในปี 2018 ทั้งนี้เพื่อพยายามหลีกหนีไม่ต้องเสียภาษีศุลกากรเพิ่มอีก 25% ดังกล่าว อย่างไรก็ดี โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวเก็งที่จะได้เป็นผู้สมัครของพรรครีพับลิกันประกาศเอาไว้ตั้งแต่เดือนมีนาคมว่า เขาจะบังคับเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 100% เอากับพวกรถยนต์จีนที่เมดอินเม็กซิโก ถ้าหากเขาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายนนี้

เวลานี้ พวกผู้ผลิตรถจีนต่างกำลังเร่งเครื่องแผนการของพวกเขาในการทำให้ความสามารถการผลิตของพวกเขามีลักษณะเป็นความสามารถการผลิตในท้องถิ่นขึ้นมาในยุโรป เป็นการตระเตรียมไว้รับมือในกรณีที่อียูประกาศขึ้นภาษีศุลกากรเพิ่มเติมเอากับพวกรถอีวีเมดอินไชน่าในเวลาต่อๆ ไปของปีนี้

รถอีวีที่ขายกันในยุโรปเมื่อปีที่แล้ว ประมาณทุก 1 ใน 5 คันทีเดียวเป็นรถเมดอินไชน่า ทั้งนี้ตามข้อมูลของ ทรานสปอร์ต แอนด์ เอนไวรอนเมนต์ (Transport & Environment หรือ T&E) [9] องค์การไม่แสวงหากำไรที่ตั้งฐานอยู่ในกรุงบรัสเซลส์ ตัวเลขนี้คาดหมายกันว่าจะเติบโตขึ้นเป็นประมาณ 25% ในปี 2024

รถยนต์นำเข้าจากจีนเข้าไปในยุโรปเวลานี้ กว่าครึ่งหนึ่งยังคงเป็นแบรนด์ตะวันตก เป็นต้นว่า เทสลา, ดาเชีย (Dacia), และบีเอ็มดับเบิลยู ทั้งนี้ตามข้อมูลของ T&E ทว่าพวกแบรนด์จีน เป็นต้นว่า MG ซึ่งเวลานี้เป็นของเอสเอไอซีแล้ว, โพลสตาร์ (Polestar) ของ จีลี่, และ บีวายดี สามารถเพิ่มสัดส่วนจนไปถึงระดับ 11% ของตลาดรถอีวียุโรปโดยรวมภายในปี 2024 นี้ และน่าจะวิ่งต่อไปเป็น 20% ภายในปี 2027 เป็นการขยับขึ้นอย่างมากจากแค่ราวๆ 7.5% เมื่อปีที่แล้ว

“ภาษีศุลกากรจะบังคับให้พวกผู้ผลิตรถต้องหันมาผลิตรถอีวีกันในท้องถิ่นในยุโรป และนี่ถือเป็นเรื่องดี เพราะเราต้องการตำแหน่งงานและทักษะความชำนาญในเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว” เป็นความเห็นของ จูเลีย โปลิสคาโนวา (Julia Poliscanova) ผู้อำนวยการอาวุโสด้านยานยนต์และห่วงโซ่อุปทาน e-mobility ของ T&E กระนั้น เธอเตือนด้วยว่า “แต่ว่าภาษีศุลกากรจะไม่สามารถเป็นโล่ปกป้องพวกผู้ผลิตรถเจ้าเดิมๆ ไปได้ยาวนานนักหรอก”

เธอเสนอแนะว่า การขึ้นอัตราภาษีศุลกากรให้สูงขึ้น ควรทำควบคู่ไปกับการผลักดันด้านกฎระเบียบเพื่อให้มีการเพิ่มการผลิตรถอีวีในท้องถิ่น ซึ่งก็รวมถึงเป้าหมายที่จะให้พวกรถยนต์ซึ่งภาคบริษัทต่างๆ ใช้งานกันอยู่ต้องเปลี่ยนมาเป็นรถไฟฟ้ากันภายในปี 2039 เป็นการต่อยอดขึ้นมาจากเป้าหมายที่จะให้อียูมีรถยนต์สะอาดปลอดสารพิษกัน 100% ภายในปี 2035 อย่างที่ได้เคยตกลงกันเอาไว้แล้ว

ไม่มีการทุ่มตลาด

หลังจากประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน (Ursula Von der Leyen) ประกาศ [10] เมื่อวันที่ 13 กันยายนปีที่แล้ว ว่าจะดำเนินการสอบสวนพฤติการณ์การแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรมของจีนในภาคอุตสาหกรรมรถอีวีแล้ว ทางรัฐมนตรีเศรษฐกิจเยอรมนี โรเบิร์ต ฮาเบค (Robert Habeck) ได้แถลงแสดงความยินดีต่อการตัดสินใจดังกล่าว

ทว่าอีกไม่นานต่อมา นายกรัฐมนตรี โอลาฟ ชอลซ์ ของเยอรมนี กลับกล่าว [11] ในวันที่ 28 กันยายนว่า เขายังไม่ได้เห็นด้วยเลยเกี่ยวกับความจำเป็นที่จะต้องประกาศขึ้นภาษีศุลกากรเอากับรถอีวีจีน เขาบอกว่าเนื่องจากเยอรมนีต้องการที่จะขายรถยนต์ของตนในสถานที่ทุกหนทุกแห่งในโลก เยอรมนีก็สมควรเปิดตลาดของตนเองให้แก่กิจการต่างประเทศเช่นกัน

ระหว่างที่เยือนจีนเมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา ชอลซ์พูด [12] กับพวกนักศึกษาจีนในเซี่ยงไฮ้ว่า เยอรมนีต้องการตลาดรถยนต์ที่เปิดกว้างและมีความเป็นธรรม เขากล่าวว่ารถยนต์จีนจะยังคงอยู่ในเยอรมนีต่อไป รวมทั้งในยุโรปเมื่อถึงช่วงใดช่วงหนึ่ง ทั้งนี้ถ้าหากมีการแข่งขันกันอย่างเป็นธรรม โดยไม่มีการทุ่มตลาด, ไม่มีการผลิตจนล้นเกิน, ตลอดจนไม่มีการล่วงละเมิดสิทธิบัตรใดๆ

ตามรายงานของศูนย์ข้อมูลมาร์กไลนส์ (MarkLines Data Center) พวกผู้ผลิตรถเยอรมนีขาย [13] ยานยนต์ได้ 462,720 คันในจีนเมื่อปีที่แล้ว สูงขึ้น 3.8% จากเมื่อปี 2022 และคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 17.8% ของตลาดรถยนต์จีน

สำหรับพวกแบรนด์จีนนั้นขายยานยนต์ได้ 1.46 ล้านคันในตลาดภายในประเทศ เท่ากับสามารถครองส่วนแบ่งตลาดไป 56.2% ส่วนพวกแบรนด์ญี่ปุ่นนั้นขายยานยนต์ได้ 382,900 คันในจีน เท่ากับครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ 14.7%

เชิงอรรถ

[1] https://companies.caixin.com/2024-04-15/102186017.html
[2] https://baijiahao.baidu.com/s?id=1796410144500526831&wfr=spider&for=pc
[3] https://www.byd.com/eu/news-list/BYD_to_Build_A_New_Energy_Passenger_Vehicle_Factory_in_Hungary_for_Localised_Production_in_Europe.html
[4]https://europe.autonews.com/automakers/chinas-great-wall-has-germany-europe-plant-shortlist
[5] https://www.autocar.co.uk/car-news/business-vehicle-manufacturing/saic-confirms-uk-possibility-new-mg-factory?callback=in&code=MWM4MGVMYTKTMJA5ZI0ZNWVLLTLMMDYTZJBHNZEZYMY0NDRJ&state=bf52e3e9af184d87bbcd8c6f043ca858
[6]http://www.xinhuanet.com/fortune/20240414/4faf79a8b0ce4438ac64fc375dc765de/c.html
[7]https://www.bloomberg.com/news/articles/2024-04-14/yellen-says-nothing-off-table-in-response-to-china-overcapacity
[8]https://www.fmprc.gov.cn/eng/xwfw_665399/s2510_665401/2511_665403/202403/t20240315_11261412.html
[9]https://www.transportenvironment.org/discover/one-in-four-evs-sold-in-europe-this-year-will-be-made-in-china-analysis/
[10]https://www.euractiv.com/section/economy-jobs/news/french-german-economy-ministers-praise-eu-probe-into-chinese-electric-vehicles/
[11]https://europe.autonews.com/automakers/germanys-scholz-unconvinced-imposing-ev-tariffs-chinese
[12] https://finance.yahoo.com/news/2-germanys-scholz-china-want-064221913.html
[13]https://www.marklines.com/en/statistics/flash_sales/automotive-sales-in-china-by-month-2023.
กำลังโหลดความคิดเห็น