ต่างฝ่ายต่างเดินเกม! ‘สีจิ้นผิง’ เยือนฝรั่งเศส-ยกย่องสัมพันธ์สองประเทศ ‘มาครง’ ฝันเฟื่องกดดันผู้นำจีนบีบรัสเซียยุติสงครามยูเครน

มาครงฝันเฟื่อง เล็งกดดัน สี จิ้งผิง ยอมใช้อิทธิพลผลักดันให้รัสเซียยุติสงครามในยูเครน ระหว่างที่ผู้นำจีนเยือนฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการเป็นเวลา 2 วันเริ่มตั้งแต่วันจันทร์ (6 พ.ค.) ซึ่งคาดว่าทั้งคู่ยังจะหารือประเด็นอื่นๆ ด้วย เช่น ข้อพิพาททางการค้าเกี่ยวกับรถอีวี เหล้าคอนยัค และเครื่องสำอาง ขณะที่ประมุขแดนมังกรออกคำแถลงยกย่องความสัมพันธ์สองประเทศ ชี้เป็นแบบอย่างการอยู่ร่วมกันอย่างสันติแม้มีระบบสังคมต่างกัน

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนเดินทางเยือนฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการเต็มรัฐพิธี ในฐานะแขกของประมุขฝรั่งเศส (state visit) ในวันจันทร์-อังคาร (6-7) เนื่องในวาระครบรอบ 60 ปีความสัมพันธ์ฝรั่งเศส-จีน และถือเป็นการเดินทางสู่ยุโรปทริปแรกของสีนับจากปี 2019

ในคำแถลงหลังเดินทางถึงกรุงปารีส สียกย่องความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ถึงแม้เวลานี้สองฝ่ายมีข้อพิพาททางการค้าจากการที่สหภาพยุโรป (อียู) เข้าตรวจสอบการส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าของจีน และปักกิ่งสอบสวนบรั่นดีนำเข้าซึ่งส่วนใหญ่ผลิตในฝรั่งเศส

สีสำทับว่า ความสัมพันธ์จีน-ฝรั่งเศสเป็นแบบอย่างสำหรับนานาชาติในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และการร่วมมือที่ชนะกันทั้งสองฝ่ายระหว่างประเทศที่มีระบบสังคมแตกต่างกัน

ทางด้านสำนักประธานาธิบดีฝรั่งเศสระบุว่า ระหว่างการหารือในช่วงเช้าวันจันทร์ ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง เน้นหนักการเจรจาเกี่ยวกับความพยายามทางการทูตเพื่อสนับสนุนยูเครนและกดดันรัสเซีย นอกจากนั้น ยังจะมีการพูดคุยเกี่ยวกับตะวันออกกลาง ประเด็นการค้า และความท้าทายระดับโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยที่การหารืออยู่ในรูปไตรภาคี 3 ฝ่าย นั่นคือ อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นองค์การบริหารของอียู ร่วมวงด้วยโดยพูดคุยประเด็นที่เป็นข้อกังวลของอียู

ฝรั่งเศสนั้นวาดหวังว่า การหารือจะช่วยโน้มน้าวให้จีนใช้อิทธิพลที่มีต่อมอสโกหาทางยุติความขัดแย้งในยูเครน นอกจากนั้น มาครงยังจะกดดันด้วยการเตือนสีเกี่ยวกับอันตรายจากการให้การสนับสนุนรัสเซีย โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตะวันตกกำลังกังวลว่า มอสโกอาจใช้เครื่องจักรจากจีนในการผลิตอาวุธ

ทางด้านสีนั้น ได้เขียนในบทความพิเศษที่ตีพิมพ์ทางหนังสือพิมพ์เลอ ฟิกาโร ของฝรั่งเศส ระบุว่า ต้องการร่วมมือกับนานาชาติในการหาวิธีแก้ไขความขัดแย้งที่ปะทุขึ้นจากการที่รัสเซียบุกเข้าไปในยูเครน และย้ำว่า จีนไม่ได้อยู่ฝ่ายใดหรือมีส่วนร่วมในความขัดแย้งดังกล่าว

นอกจากเรื่องสงครามยูเครนแล้ว มาครงซึ่งเป็นผู้ส่งเสริมอธิปไตยทางเศรษฐกิจของยุโรป ยังถูกคาดหมายว่าจะโฟกัสประเด็นการค้าด้วย ซึ่งรวมถึงการผลักดันให้จีนเปิดตลาดการส่งออกสินค้าเกษตร และแก้ปัญหาเกี่ยวกับสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่เป็นข้อกังวลของอุตสาหกรรมเครื่องสำอางฝรั่งเศส

ก่อนหน้านี้ มาครงประณามแนวทางปฏิบัติทางการค้าทั้งของจีนและอเมริกาว่า เป็นการส่งเสริมการกีดกันการค้าและการอุดหนุนผู้ผลิตในประเทศ

ในการให้สัมภาษณ์นิตยสารอิโคโนมิสต์ที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา (2 พ.ค.) มาครงระบุว่า ยุโรปต้องปกป้องผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์ในความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับจีน และกล่าวหาปักกิ่งไม่เคารพกฎการค้าโลก

อย่างไรก็ตาม เขายอมรับระหว่างให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ลา ทรีบูน ดิมองช์ ในช่วงไม่กี่วันมานี้ว่า ยุโรปไม่ได้เห็นพ้องเป็นเอกฉันท์เกี่ยวกับยุทธศาสตร์ดังกล่าว เนื่องจากบางประเทศยังมองว่าจีนมีความสำคัญในฐานะตลาดแห่งโอกาส ขณะที่จีนส่งสินค้ามากมายเข้าไปขายในยุโรป

แหล่งข่าวระบุว่า สมาชิก 27 ชาติในอียู โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝรั่งเศสและเยอรมนีมีจุดยืนต่างกันในเรื่องท่าทีต่อจีน โดยปารีสนั้นสนับสนุนการใช้มาตรการแข็งกร้าวในการสอบสวนกรณีรถอีวีจีน ขณะที่เบอร์ลินต้องการสานสัมพันธ์กับปักกิ่งด้วยมาตรการที่ระมัดระวังมากขึ้น

มาครงยังให้สัมภาษณ์ว่า จะหยิบยกข้อกังวลเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนขึ้นหารือกับสี จากก่อนหน้านี้ที่มีกลุ่มเคลื่อนไหวหลายแห่งแสดงความกังวลกับปัญหาสิทธิมนุษยชนในทิเบตและมุสลิมอุยกูร์

สำหรับในวันอังคารนั้น มาครงมีกำหนดพาสี พร้อมภรรยา เผิง ลี่หยวน ไปเยือนสถานที่ที่เขาเคยใช้เวลาในตอนเด็กในเทือกเขาพิเรนีส ก่อนที่ผู้นำจีนจะเดินทางต่อไปยังเซอร์เบียและฮังการี

(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์)