ชาวเน็ตไต้หวันแชร์ภาพปรากฏการณ์ธรรมชาติสุดขนลุก ขณะที่ฝูง “กิ้งกือ” นับแสนตัวแห่อพยพพร้อมกันจนดูคล้ายกับแม่น้ำที่ค่อยๆ ไหลไปบนพื้นดินในเขตภูเขาแห่งหนึ่ง ท่ามกลางเสียงร่ำลือว่านี่อาจเป็นสัญญาณเตือน “ภัยธรรมชาติ” ครั้งใหญ่หรือไม่
เมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวซึ่งไปเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติเสว่ป้า (雪霸國家公園) ทางตอนกลางของไต้หวัน ได้บังเอิญไปเจอปรากฏการณ์ที่แม้แต่ไกด์ท้องถิ่นเองก็ยังบอกว่าไม่เคยพบเห็นมาก่อน
หยาง เสี่ยวจง (Yang Xiaozhong) ซึ่งเป็นไกด์นำเที่ยวที่มีประสบการณ์ทำงานในพื้นที่มานาน 11 ปี เล่าว่า เขาได้พานักท่องเที่ยว 7 คนเข้าไปในพื้นที่ทางตะวันตกของเส้นทางเดินป่าต้าลู่ (Dalu Forest Road) และพบว่าบนพื้นดินเต็มไปด้วยบางสิ่งบางอย่างคล้ายกับเศษใบไม้แห้ง
ตอนแรกเขาเข้าใจว่าคงจะเป็นใบไม้ที่โดนลมพายุพัดร่วงลงมา ก่อนจะสังเกตเห็นว่าพวกมัน “ขยับได้” และเมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ พบว่าเป็น “ฝูงกิ้งกือ” นับแสนตัวซึ่งกำลังเดินมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกัน... ราวกับแม่น้ำที่มีชีวิต
หยาง รีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายคลิปทันที เพราะตัวเขาเองก็ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนตั้งแต่เข้ามาทำงานในอุทยานแห่งนี้ ต่อมาเขาให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า การเดินขบวนของกองทัพกิ้งกือกินพื้นที่กว้างราว 4 เมตร และยาวถึง 50 เมตร
ไกด์คนนี้ยังเล่าด้วยว่า พวกนักท่องเที่ยวต่างขนลุกขนชัน และบ้างก็กรีดร้องด้วยความขยะแขยงแม้จะเห็นแค่ไกลๆ และทั้งหมดยืนยันว่าจะขอเดินบนถนนซึ่งมีการโรยหินเอาไว้แล้วเท่านั้น
นายหยาง ยอมรับว่า ภาพที่เห็นทำให้ตนอดคิดไม่ได้ว่านี่จะเป็นสัญญาณเตือนภัยพิบัติทางธรรมชาติหรือไม่? และเขาก็ไม่ใช่คนเดียวที่คิดแบบนี้
หลังจากที่คลิปฝูงกิ้งกือถูกแชร์จนเป็นไวรัล ก็เริ่มมีคนโทรศัพท์เข้าไปสอบถามกับทางอุทยานแห่งชาติเสว่ป้าว่า นี่คือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นปกติหรือไม่? หรือเป็นสัญญาณว่าจะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ เพราะหลายคนก็เชื่อว่าสัตว์มักมีสัมผัสหยั่งรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดภัยพิบัติขึ้น และอาจแสดงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เช่น มีการอพยพ เป็นต้น
กระแสตื่นกลัวของชาวเน็ตทำให้อุทยานแห่งชาติเสว่ป้าถึงขั้นต้องออกมา “ขออภัย” และยืนยันว่าฝูงกิ้งกืออพยพเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้ โดยอาจมาจากสภาพแวดล้อมหรือสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ทยังขออภัยที่พนักงานของอุทยานนำคลิปดังกล่าวไปโพสต์จนสร้างความแตกตื่น พร้อมยืนยันว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกในอนาคต
ที่มา : odditycentral