เอเอฟพี - กระทรวงต่างประเทศเกาหลีใต้สั่งยกระดับเตือนภัยไปยังสถานทูตเกาหลีใต้ 5 แห่งในจุดที่มีสถานทูตเกาหลีเหนือตั้งอยู่ รวมกัมพูชา ลาว เวียดนาม จีน และรัสเซียให้ระวังเกาหลีเหนือเตรียมจ้องก่อการร้าย
เอเอฟพีรายงานวันศุกร์ (3 พ.ค.) ว่า สำนักข่าวกรองแห่งชาติเกาหลีใต้ NIS แถลงวันศุกร์ (3) เมื่อไม่นานมานี้พบสัญญาณมากมายที่ชี้ว่า “เกาหลีเหนือ” กำลังวางแผนเพื่อก่อการร้ายโจมตีเจ้าหน้าที่สถานทูตเกาหลีใต้หรือพลเมืองเกาหลีใต้ในหลายประเทศ รวมถึงจีน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และที่ตะวันออกกลาง
แถลงการณ์กล่าวว่า “เกาหลีเหนือส่งเอเยนต์ออกไปยังประเทศเหล่านี้เพื่อเพิ่มความเคลื่อนไหวในการสอดแนมสถานทูตเกาหลีใต้และรวมไปถึงความเคลื่อนไหวที่เจาะจงเป็นต้นว่า การค้นหาเป้าหมายพลเมืองเกาหลีใต้เพื่อก่อการร้าย
NIS แถลงต่อว่า หลังมีชนชั้นสูงเกาหลีเหนือเป็นจำนวนมากที่ติดอยู่ในต่างแดนเนื่องมาจากวิกฤตโควิด-19 ในเวลานี้ต่างไม่ยอมเดินทางกลับประเทศหลังประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ คิม จองอึน ออกคำสั่งผ่อนคลายความมั่นคงของพรมแดนแล้วสร้างความสงสัยให้รัฐบาลเปียงยาง
เปียงยางถือว่าการทรยศแปรพักตร์หนีนั้นเป็นโทษร้ายแรงและนอกเหนือจากคนที่แปรพักตร์แล้ว เปียงยางยังลงโทษครอบครัวญาติพี่น้องที่ยังอยู่ภายในประเทศ รวมไปถึงคนที่เกี่ยวข้องช่วยการหลบหนี
สำนักงานข่าวกรองเกาหลีใต้ NIS วิเคราะห์ว่า เจ้าหน้าที่สถานทูตเกาหลีเหนืออาจส่งรายงานเท็จกลับไปยังเปียงยาง โดยอ้างว่าเป็น “ปัจจัยภายนอก” ส่งผลทำให้เพื่อนร่วมงานของพวกเขาทำการแปรพักตร์อย่างเต็มใจเพื่อต้องการเลี่ยงความผิดไม่ให้ถูกลงโทษ
NIS แถลงว่า ฝ่ายเหนืออาจกำลังวางแผนตอบโต้ต่อสถานทูตเกาหลีใต้
กระทรวงต่างประเทศเกาหลีใต้แถลงวันพฤหัสบดี (2) ว่า ได้สั่งเพิ่มระดับการเตือนก่อการร้ายไปสถานทูตเกาหลีใต้ 5 แห่งทั่วโลกรวมกัมพูชา ลาว เวียดนาม และสถานกงสุลในเมืองวลาดิวอสต็อก รัสเซีย และเมืองเสิ่นหยาง (Shenyang) จีน
เอเอฟพีชี้ว่า พิกัดที่ตั้งสถานทูตทั้ง 5 จุดนี้พบว่าเกาหลีเหนือมีสถานทูตตัวเองตั้งอยู่เช่นกัน
เกาหลีเหนือมีสถานทูตรวมอยู่ในกว่า 150 ประเทศทั่วโลกอ้างอิงจากโซล แต่จำนวนสถานทูตในต่างแดนได้ลดลงนับตั้งแต่ยุค 90 เนื่องมาจากปัญหาทางการเงิน
ลี แมนจอง (Lee Man-jong) ประธานสมาพันธ์การศึกษาต่อต้านก่อการร้ายเกาหลีใต้ (Korean Association for Terrorism Studies) ให้สัมภาษณ์เอเอฟพีว่า
“เปียงยางดูเหมือนจะมีเป้าหมายไปที่ทรัพย์สินของเกาหลีใต้และพลเมืองเกาหลีใต้ในประเทศต่างแดนที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตที่แข็งแกร่ง”
และเสริมต่อว่า การที่วิกฤตโควิด-19 ยุติลงได้ช่วยให้เอเยนต์เกาหลีเหนือก่อนหน้าที่ต้องอยู่แต่ภายในประเทศสามารถเดินทางออกไปยังต่างแดนเพื่อภารกิจ ในขณะที่พลเมืองเกาหลีใต้สามารถเดินทางไปต่างแดนได้โดยไม่มีการจำกัดใดๆ”
ขณะที่ อัน ชานอิล (Ahn Chan-il) อดีตเกาหลีเหนือแปรพักตร์ และปัจจุบันดำรงตำแหน่งนักวิจัยประจำองค์กรธิงแทงก์สถาบันโลกเพื่อการศึกษาเกาหลีเหนือ (World Institute for North Korea Studies) แสดงความเห็นว่า
“หากว่าบรรดานักการทูตเกาหลีเหนือและเอเยนต์ที่ประจำอยู่ในต่างแดนยังคงได้รับการกดดันอย่างหนักจากเปียงยางต่อปัญหาการแปรพักตร์ของเกาหลีเหนือชนชั้นสูง พวกเราไม่สามารถตัดความน่าจะเป็นไปได้ว่าเกาหลีเหนืออาจกำลังวางแผนก่อการร้ายโจมตีต่อพลเมืองเกาหลีใต้ที่อาศัยในต่างแดน”
เอเอฟพีชี้ว่า เปียงยางเคยตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าอยู่เบื้องหลังการลอบสังหารกงสุลเกาหลีใต้ประจำวลาดิวอสต็อกเมื่อปี 1996
ทั้งนี้ กงสุลที่ในอีกหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่สายลับเกาหลีใต้ได้ติดตามความเคลื่อนไหวผิดกฎหมายของเปียงยาง รวมถึงการลอบค้ายาเสพติดและการพิมพ์แบงก์เถื่อน อ้างอิงจากรายงานเกาหลีใต้
และที่พม่าในปี 1983 เกิดระเบิดขึ้นที่สุสานย่างกุ้งระหว่างประธานาธิบดีเกาหลีใต้ในเวลานั้น ชุน ดูฮวาน (Chun Doo-hwan) กำลังเดินทางเยือน ซึ่งถึงแม้เขาจะรอดชีวิตมาได้ แต่ทว่า 21 คนต้องจบชีวิต รวมถึงรัฐมนตรีเกาหลีใต้บางคนที่ติดตามไปด้วย
อ้างอิงจากกระทรวงรวมชาติเกาหลีใต้พบว่าในปีที่ผ่านมา มีเกาหลีเหนือแปรพักตร์ทั้งหมด 196 คนเดินทางเข้าเกาหลีใต้ และมีราว 10 คนของจำนวนทั้งหมดมาจากชนชั้นสูง เป็นต้นว่า นักการทูตหรือลูกๆ ของคนเหล่านั้น
เอเอฟพีชี้ว่า โซลกล่าวว่าเป็นตัวเลขการแปรพักตร์สูงสุดจากกลุ่มชนชั้นสูงเข้าเกาหลีใต้นับตั้งแต่ปี 2017