ฝนซึ่งตกหนักต่อเนื่องจนทำให้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ในรัฐรีโอกรันดีโดซูล (Rio Grande do Sul) ทางตอนใต้ของบราซิลคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วไม่ต่ำกว่า 39 รายเมื่อวานนี้ (3 พ.ค.) และมีแนวโน้มที่จะพุ่งสูงขึ้นเนื่องจากยังมีชาวบ้านสูญหายไม่ทราบชะตากรรมอีกเกือบ 70 คน
สำนักงานป้องกันพลเรือนแห่งรัฐรีโอกรันดีโดซูล ระบุว่า มีชาวบ้านที่ยังหาตัวไม่พบ 68 คน ขณะที่ประชาชนอย่างน้อย 24,000 คนต้องอพยพทิ้งบ้านเรือน หลังจากพายุฝนทำให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่กว่าครึ่งจากทั้งหมด 497 เมืองในรัฐแห่งนี้ ซึ่งมีพรมแดนติดกับอุรุกวัยและอาร์เจนตินา
“ตัวเลขนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงภายในอีก 2-3 วันข้างหน้า หลังจากเจ้าหน้าที่เข้าถึงพื้นที่ประสบภัยได้มากขึ้น” เอดูอาร์โด เลย์เต ผู้ว่าการรัฐรีโอกรันดีโดซูล ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
อุทกภัยครั้งใหญ่นี้ทำให้ถนนและสะพานได้รับความเสียหายหลายจุด และยังก่อให้เกิดดินถล่ม รวมถึงโครงสร้างเขื่อนในโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กแห่งหนึ่งพังทลายบางส่วน
เจ้าหน้าที่ระบุว่า เขื่อนอีกแห่งในเมืองเบนโตกอนซาลเวส (Bento Goncalves) ก็เสี่ยงที่จะพังทลายด้วยเช่นกัน และเตือนให้ประชาชนรีบอพยพล่วงหน้า
ที่เมืองปอร์โตอาเลอเกร (Porto Alegre) เมืองเอกของรัฐรีโอกรันดีโดซูล แม่น้ำกวยบาได้เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมท้องถนนและปิดเส้นทางเข้าถึงพื้นที่ประวัติศาสตร์ใจกลางเมือง
รัฐแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณจุดบรรจบของภูมิอากาศแบบเขตร้อนและขั้วโลก ซึ่งทำให้เผชิญกับสภาพอากาศที่แตกต่าง เช่น ฝนตกหนักและภัยแล้งอยู่เป็นประจำ ขณะที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกมีส่วนทำให้สถานการณ์ทวีความรุนแรงขึ้น
ประธานาธิบดี ลูอิซ อินาซิโอ ลุลา ดา ซิลวา ได้เดินทางลงพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมเมื่อวันพฤหัสบดี (2) เพื่อหารือกับผู้ว่าการรัฐเกี่ยวกับแนวทางช่วยเหลือประชาชน และเมื่อเดินทางกลับถึงกรุงบราซิเลียวานนี้ (3) ก็ได้ให้คำมั่นสัญญาว่ารัฐบาลกลางจะสนับสนุนภารกิจกู้ภัย และการฟื้นฟูบ้านเมือง
ที่มา : รอยเตอร์