เกิดการปะทะกันอุตลุดเมื่อช่วงย่างเข้าวันใหม่ของวันพุธ (1 พ.ค.) ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตลอสแองเจลิส (ยูซีแอลเอ) เมื่อกลุ่มต่อต้านการประท้วงบุกเข้าไปลุยการตั้งแคมป์ชุมนุมของกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านสงครามกาซาของอิสราเอล มีการชกต่อยผลักกันไปมา รวมทั้งเตะและใช้ไม้ฟาดใส่กัน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า ตำรวจนิวยอร์กบุกสลายการชุมนุมบุกยึดอาคารในมหาวิทยาลัยโคลัมเบียเมื่อคืนวันอังคาร (30 เม.ย.) และจับกุมผู้ประท้วงต่อต้านสงครามกาซาหลายสิบคน ซึ่งทำให้มหาวิทยาลัยชื่อดังเก่าแก่แห่งนี้กลายเป็นอัมพาต ขณะเดียวกัน ก็สร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการประท้วงทำนองเดียวกันขึ้นมาตามสถาบันอุดมศึกษาทั่วสหรัฐฯ
หลังจากการต่อสู้ตะลุมบอนกันระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนปาเลสไตน์และกลุ่มผู้สนับสนุนอิสราเอลที่ยูซีแอลเอดำเนินไปเป็นเวลา 2-3 ชั่วโมง กำลังตำรวจที่สวมหมวกเหล็กและโล่ป้องกันใบหน้าก็ตั้งแถวและค่อยๆ แยกพวกที่ตีกันอยู่ ทำให้ความรุนแรงบรรเทาเบาบางลง และกลับมีความสงบขึ้นมาใหม่ในช่วงเวลารุ่งสาง
การประท้วงด้วยการตั้งเต็นท์ชุมนุมกันอยู่ภายในมหาวิทยาลัย เพื่อเรียกร้องให้ทางมหาวิทยาลัยยุติการทำธุรกิจกับอิสราเอลหรือพวกบริษัทที่สนับสนุนสงครามในกาซา กำลังแผ่ลามไปทั่วสหรัฐฯ กลายเป็นขบวนการเคลื่อนไหวของนักศึกษาชนิดที่ไม่เคยพบเห็นกันก่อนหน้านี้ในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 21 และเหตุการณ์กำลังตำรวจบุกเข้าไปปราบปรามภายในมหาวิทยาลัยบางแห่งก็ยิ่งก่อให้เกิดการประท้วงลุกลามไปในที่อื่นๆ มากขึ้น เป็นการสะท้อนภาพการต่อสู้ของขบวนการนักศึกษาในยุคสงครามเวียดนาม ถึงแม้คราวนี้ยังมีขนาดเล็กมากๆ เมื่อเปรียบเทียบกับสมัยนั้น
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ได้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างพวกผู้ประท้วงกับเจ้าหน้าที่รักษากฎหมาย และมีผู้ถูกจับกุมรวมแล้วกว่า 1,000 ราย ถึงแม้ในสถาบันอุดมศึกษาบางแห่ง พวกเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยและพวกผู้นำการประท้วงสามารถเจรจาตกลงกันได้ที่จะจำกัดไม่ให้การประท้วงรบกวนชีวิตในมหาวิทยาลัย ตลอดจนพิธีแจกปริญญาบัตรซึ่งกำลังจะมีขึ้นในอีกไม่นานนับจากนี้
สำหรับการปะทะกันที่ยูซีแอลเอเกิดขึ้นรอบๆ สถานที่ตั้งเต็นท์ของพวกผู้ประท้วงโปรปาเลสไตน์ ซึ่งได้นำเอาเศษไม้เศษวัสดุต่างๆ มาสร้างเป็นแนวป้องกันตรงบริเวณขอบของเขตตั้งแคมป์ของพวกเขา ขณะที่พวกผู้ประท้วงฝ่ายต่อต้านพยายามบุกเข้าไปรื้อแนวป้องกันเหล่านี้ ภาพจากคลิปวิดีโอแสดงให้เห็นว่ามีการจุดพลุกันตูมตามขึ้นมาทั้งบริเวณเหนือพื้นที่ตั้งแคมป์และภายในพื้นที่ดังกล่าว
ยังไม่มีรายงานว่ามีผู้บาดเจ็บมากน้อยแค่ไหนจากการปะทะกันครั้งนี้
ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านั้น นั่นคือประมาณ 21.00 น.ของวันอังคาร (30) สำนักงานตำรวจนิวยอร์ก (เอ็นวายพีดี) ได้ส่งเจ้าหน้าที่บุกเข้าไปในมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ตามการร้องขอของมินูช ชาฟิก อธิการบดีของมหาวิทยาลัยชื่อดังเก่าแก่ระดับไอวีลีกแห่งนี้ ซึ่งได้กลายเป็นศูนย์กลางการชุมนุมต่อต้านสงครามในกาซาของอิสราเอลที่ลุกลามไปยังมหาวิทยาลัยทั่วอเมริกาในขณะนี้
ทันทีที่ไปถึง ตำรวจส่วนหนึ่งใช้รถดับเพลิงเพื่อปีนขึ้นไปบนชั้น 2 และมุดหน้าต่างเข้าไปในอาคารแฮมิลตันฮอลล์ จากนั้นก็จับกุมนักศึกษาหลายสิบคนที่เข้ายึดตึกนี้ตั้งแต่คืนวันจันทร์ (29 เม.ย.) ออกไปขึ้นรถตำรวจ โดยใช้เวลาสลายผู้ชุมนุมทั้งหมดในเวลา 3 ชั่วโมง
ขณะเดียวกัน หลังจากตำรวจบุกเข้าไปในมหาวิทยาลัยไม่นาน ชาฟิก อธิการบดีโคลัมเบียได้ออกคำแถลงขอให้ตำรวจอยู่รักษาความสงบเรียบร้อยในมหาวิทยาลัยจนถึงอย่างน้อยวันที่ 17 พ.ค. หรือสองวันหลังจากพิธีรับปริญญา เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีผู้ประท้วงเข้าไปตั้งเต็นท์ชุมนุมอีก
ทั้งนี้ สิ่งที่ผู้ประท้วงเรียกร้องจากโคลัมเบียคือ ยุติการลงทุนกับพวกบริษัทที่สนับสนุนรัฐบาลอิสราเอล เพิ่มความโปร่งใสของระบบการเงินของมหาวิทยาลัย และไม่เอาผิดกับนักศึกษาที่ร่วมประท้วง
ทว่า ต้นสัปดาห์นี้ชาฟิกประกาศว่า โคลัมเบียจะไม่ยุติการลงทุนในอิสราเอล พร้อมเสนอลงทุนด้านสุขภาพและการศึกษาในกาซา และเปิดเผยข้อมูลการลงทุนของมหาวิทยาลัยอย่างโปร่งใสมากขึ้น
ในคำแถลง ชาฟิกยังระบุว่า การเข้ายึดแฮมิลตันฮอลล์นำโดยบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัย และสำทับว่า นักศึกษาที่ร่วมประท้วงจะถูกพักการเรียน
ทางด้านผู้ประท้วงประณามคำแถลงของชาฟิก โดยโพสต์บนอินสตาแกรมว่า คำว่า “ใส่ใจ” และ “ความปลอดภัย” ของอธิการบดีหญิงผู้นี้แท้จริงแล้วเป็นการข่มขู่คุกคาม
ทางด้านทำเนียบขาววิจารณ์การยึดแฮมิลตันฮอลล์ว่า เป็นแนวทางที่ผิดและไม่ใช่การประท้วงอย่างสันติ ขณะที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โจมตีกระแสต่อต้านยิว และประณามประธานาธิบดีโจ ไบเดน ว่าไม่ได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนประเทศอย่างที่ควรจะเป็น
การประท้วงต่อต้านสงครามกาซาลุกลามเป็นไฟลามทุ่งทั่วอเมริกา นักศึกษาจำนวนมากตั้งเต็นท์ชุมนุมในมหาวิทยาลัย หลายแห่งมีการปะทะระหว่างผู้ประท้วงกับตำรวจ เป็นต้นว่า ที่มหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา ในเมืองแชเปิลฮิลล์ ที่ตำรวจบุกเข้าไปรื้อเต็นท์และจับกุมผู้ประท้วงบางส่วน
มหาวิทยาลัยพอร์ตแลนด์ สเตทในรัฐออริกอน ประกาศปิดเมื่อวันอังคาร เนื่องจาก “เหตุการณ์ที่ยังดำเนินอยู่” ในห้องสมุด โดยสื่อท้องถิ่นรายงานว่า ผู้ประท้วงราว 50 คนบุกเข้าไปในตึกดังกล่าวตั้งแต่วันจันทร์
โวลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แสดงความกังวลกับการใช้มาตรการแข็งกร้าวกับผู้ประท้วงในมหาวิทยาลัยของอเมริกา โดยระบุว่า เสรีภาพในการแสดงออกและสิทธิในการชุมนุมอย่างสันติเป็นรากฐานของสังคม ก่อนสำทับว่า การปลุกเร้าให้เกิดความรุนแรงหรือความเกลียดชังต่อบุคคลหรือทัศนคติมุมมอง ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือเป็นเพียงสมมติฐาน เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
(ที่มา : เอพี, เอเอฟพี)