สำนักข่าวดิ อินดิเพนเดนท์ ของอังกฤษ รายงานว่า บริษัทยายักษ์ใหญ่ แอสตร้าเซนเนก้า ออกมายอมรับแล้วว่าวัคซีนป้องกันโควิด ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในชื่อโควิชิลด์ (Covishield) สามารถก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่พบได้ยาก รวมถึงลิ่มเลือดและภาวะเกล็ดเลือดต่ำ อ้างอิงเอกสารของศาล ขณะที่อาร์ทีนิวส์ ระบุถึงขั้นว่าผลข้างเคียงดังกล่าวบางกรณีอาจนำไปซึ่งการเสียชีวิต
การยอมรับครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่ทางแอสตร้าเซนเนก้ากำลังต่อสู้กับการยื่นฟ้องร้องคดีแบบกลุ่ม ในคำกล่าวหาที่ว่าวัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทแห่งนี้ ที่พวกเขาทำการพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด สามารถก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บสาหัสและบางครั้งถึงขั้นเสียชีวิต
วัคซีนตัวนี้ถูกใช้ฉีดไปในกว่า 150 ประเทศทั่วโลก รวมถึงสหราชอาณาจักร อินเดียและไทย อย่างไรก็ตาม การวิจัยพบว่าวัคซีนดังกล่าวของแอสตร้าเซนเนก้า อาจทำให้บางคนเกิดลิ่มเลือด ซึ่งอาจถึงแก่ชีวิตได้ ในขณะที่คดีฟ้องร้องแบบกลุ่มในสหราชอาณาจักรอ้างว่าวัคซีนตัวนี้ทำให้ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัส และเรียกร้องค่าเสียหายสูงถึง 100 ล้านปอนด์ (ราว 4,600 ล้านบาท) แก่เหยื่อประมาณ 50 ราย
แม้ทางบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า พยายามโต้แย้งคำกล่าวอ้างดังกล่าว แต่ยอมรับเป็นครั้งแรกผ่านเอกสารของศาลฉบับหนึ่งว่า วัคซีน สามารถก่อให้เกิด TTS (Thrombosis with Thrombocytopenia Syndrome) หรือภาวะลิ่มเลือดอุดตัน-ภาวะเกล็ดเลือดต่ำได้ในบางกรณี หรือก็คือภาวะที่มีลิ่มเลือดอุดตันและมีเกล็ดเลือดต่ำภายหลังได้รับวัคซีน
การต่อสู้ทางกฎหมายริเริมโดย เจมี สกอตต์ คุณพ่อลูก 2 ที่ป่วยเป็นลิ่มเลือด ซึ่งทำให้เขาได้รับความเสียหายทางสมอง หลังจากเขาเข้ารับการฉีดวัคซีนในเดือนเมษายน 2021 ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคระบาดใหญ่โควิด-19 เขาเรียกเงินชดเชยต่อคำกล่าวอ้างที่ว่าวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้ามีข้อบกพร่องและปลอดภัยน้อยกว่าที่คาดหมาย คำกล่าวหาที่ทางบริษัทปฏิเสธ
ในเดือนพฤษภาคม 2023 แอสตร้าเซนเนก้า ยังคงยืนกราน "ไม่ยอมรับว่าอาการ TTS มีบ่อกิดมาจากวัคซีนของพวกเขาในระดับทั่วไป" อ้างอิงรายงานของเดลีเทเลกราฟ ณ ขณะนั้น
แม้เคยปฏิเสธก่อนหน้านี้ แต่ทางแอสตร้าเซนเนก้า กล่าวในเอกสารที่ยื่นต่อศาลสูงของสหราชอาณาจักรในเดือนกุมภาพันธ์ ยอมรับเป็นครั้งแรกว่า "วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า ในกรณีที่หายากมากๆ ก่อให้เกิดอาการ TTS และไม่ทราบถึงกลไกที่ก่อให้เกิดกรณีเช่นนี้" อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทบอกว่า "อาการ TTS สามารถเกิดขึ้นได้แม้ปราศจากวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าหรือวัคซีนอื่นใด"
แอสตร้าเซนเนก้า ยืนยันว่าจากข้อมูลที่มีเผยให้เห็นว่าวัคซีนตัวนี้มีประวัติด้านความปลอดภัยที่ยอมรับได้ และคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบทั่วโลกเน้นย้ำอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับประโยชน์ของวัคซีคที่อยู่เหนือความคาดหมายต่างๆ ของโอกาสเกิดผลข้างเคียงที่หาได้ยากมากๆ
ประเทศตะวันตกหลายสิบชาติเคยระงับใช้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2021 ด้วยความกังวลว่ามันอาจให้เกิดลิ่มเลือดในผู้ฉีดบางราย ในตอนนั้น มาร์โก คาวาเลรี ประธานองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป ระบุว่ามีความเชื่อมโยงโดยหลักฐานระหว่างการฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้ากับลิ่มเลือดในสมอง แต่ยืนยันว่าประโยชน์ของมันอยู่เหนือความเสี่ยงต่างๆ
จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก พบว่าวัคซีนต้านโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า มีประสิทธิภาพราว 72% และจนถึงเดือนเมษายน 2021 มีประชาชนกว่า 17 ล้านคนที่ฉีดวัคซีนตัวนี้ในอียูและสหราชอาณาจักร และมีรายงานเกี่ยวกับเคสภาวะลิ่มเลือดอุดตันไม่ถึง 40 ราย
(ที่มา : ดิ อินดิเพนเดนท์/อาร์ทีนิวส์)