ทางการฟิลิปปินส์ออกมาประณามหน่วยยามฝั่งจีนว่าแสดงพฤติกรรมข่มขู่คุกคาม และทำให้เรือของฟิลิปปินส์ลำหนึ่งได้รับความเสียหาย พร้อมปฏิเสธข้อมูลของฝ่ายจีนที่อ้างว่าได้ “ขับไล่” เรือ 2 ลำออกไปจากบริเวณใกล้สันดอนพิพาททะเลจีนใต้
ยามฝั่งฟิลิปปินส์แถลงบวันนี้ (30 เม.ย.) ว่า เรือ 2 ลำของฟิลิปปินส์ยืนหยัดในที่ตั้งของตัวเองบริเวณสันดอนสการ์โบโรห์ (Scarborough Shoal) ซึ่งเป็นพื้นที่พิพาทกับปักกิ่งในทะเลจีนใต้ แต่กลับถูกเรือยามฝั่งจีน 2 ลำใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงเข้าใส่จนทำให้เรือฟิลิปปินส์ 1 ลำได้รับความเสียหาย
“ความเสียหายครั้งนี้เป็นหลักฐานให้เห็นถึงอานุภาพความแรงของปืนฉีดน้ำที่ยามฝั่งจีนใช้คุกคามเรือฟิลิปปินส์” เจย์ ทาเรียลา โฆษกยามฝั่งฟิลิปปินส์ระบุในถ้อยแถลง
“แต่เจ้าหน้าที่ของเราไม่ครั่นคร้าม และจะยังคงปฏิบัติการอันชอบธรรมเพื่อสนับสนุนและคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ชาวประมงฟิลิปปินส์ต่อไป”
สันดอนสการ์โบโรห์ไม่ได้อยู่ภายใต้อธิปไตยของชาติใด แต่อยู่ในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ 200 ไมล์ทะเลของฟิลิปปินส์ ที่ตั้งของสันดอนทรายแห่งนี้ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญและเป็นแหล่งปลาชุมที่หลายประเทศเข้ามาใช้ประโยชน์ อีกทั้งยังเป็นสถานที่หลบภัยสำหรับเรือต่างๆ ในยามที่เกิดพายุ
จีนได้เข้าไปยึดพื้นที่สันดอนแห่งนี้มานานกว่า 10 ปี ซึ่งทำให้เกิดเหตุการณ์เผชิญหน้ากับประเทศในภูมิภาคอยู่เนืองๆ
หน่วยยามฝั่งจีนยืนยันว่าได้ทำการขับไล่เรือต่างชาติออกไป ทว่าไม่เปิดเผยรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ทาเรียลา โฆษกยามฝั่งฟิลิปปินส์ ระบุว่าเรือ BRP Bagacay ได้รับความเสียหายบริเวณส่วน railing และ canopy ขณะที่ยามฝั่งจีนยังนำแบร์ริเออร์ลอยน้ำมาติดตั้งไว้ตรงทางเข้าสันดอน “ซึ่งทำให้ทางเข้าพื้นที่ถูกปิดกั้น”
ทั้งสองชาติกล่าวหากันไปมาว่าอีกฝ่ายทำผิดกฎหมายบริเวณสันดอนสการ์โบโรห์ และเมื่อไม่นานนี้ฟิลิปปินส์ก็ได้เรียกทูตจีนเข้าพบเพื่อขอคำอธิบายเกี่ยวกับการเดินเรืออย่างก้าวร้าวและอันตราย (aggressive manoeuvres) ในขณะที่จีนกล่าวหาฟิลิปปินส์ว่ารุกล้ำเข้าพื้นที่ซึ่งเป็นเขตอธิปไตยของจีน
แม้รัฐบาลทั้ง 2 ฝ่ายจะแสดงเจตนารมณ์ในการสื่อสารพูดคุยและจัดการข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ด้วยสันติวิธี ทว่าในทางปฏิบัติสถานการณ์กลับยิ่งทวีความตึงเครียด ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ฟิลิปปินส์หันไปสานความสัมพันธ์การทูตและการทหารกับสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิดมากกว่าเดิม
ที่มา : รอยเตอร์