xs
xsm
sm
md
lg

จีนเรียกสหภาพยุโรปว่าเป็น‘นักกีดกันการค้า’

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: เจฟฟ์ เปา


ประธานคณะมนตรียุโรป ชาร์ลส์ มิเชล (ซ้าย) และประธานคณะกรรมาธิการยุโรป อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน (ซ้าย) ถ่ายภาพร่วมกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ก่อนเริ่มการเจรจากันอย่างเป็นทางการที่กรุงปักกิ่งวันที่ 7 ธันวาคม 2023
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)

Firm offices raided, China calls EU ‘protectionist’
By JEFF PAO
25/04/2024

เหตุผลข้อโต้แย้งสำคัญของอียูก็คือ ขณะที่พวกบริษัทจีนสามารถขายเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ในยุโรป ทว่าประตูของจีนที่เปิดแง้มต้อนรับพวกซัปพลายเออร์ต่างประเทศอยู่ กลับกำลังปิดตัวลงเรื่อยๆ

ปักกิ่งเรียกสหภาพยุโรปว่าเป็น “นักลัทธิกีดกันการค้า” (protectionist) หลังจากอียูส่งทีมเจ้าหน้าที่บุกเข้าไปตรวจค้นสำนักงานหลายแห่งในยุโรปของบริษัทจัดจำหน่ายอุปกรณ์ความมั่นคงปลอดภัยของจีนรายหนึ่ง และดำเนินการสืบสวนสอบสวนตลาดซื้อขายเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ของประเทศจีน

คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission หรือ EC) ที่เป็นองค์กรด้านการบริหารของอียู เมื่อวันอังคาร (23 เม.ย.) ได้ใช้อำนาจของตน [1] ที่มีอยู่ตามระเบียบว่าด้วยการอุดหนุนชดเชยของต่างประเทศ (Foreign Subsidies Regulation) เป็นครั้งแรก ด้วยการเข้าตรวจค้นสาขาต่างๆ ของบริษัทนัคเทค (Nuctech) [2] ที่ตั้งอยู่ในโปแลนด์ และในเนเธอร์แลนด์ โดยมิได้มีการแจ้งล่วงหน้าในตอนเช้าวันเดียวกันนั้น

ทั้งนี้พวกหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่ได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมาธิการยุโรป ได้เข้ายึดอุปกรณ์ไอทีในสำนักงานต่างๆ ของบริษัทจีนแห่งนี้ รวมทั้งบรรดาโทรศัพท์มือถือของเหล่าลูกจ้างพนักงานด้วย นอกเหนือจากไล่เรียงติดตามพวกเอกสารสำนักงาน และเรียกร้องต้องการเข้าถึงข้อมูลทั้งหลายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ตามคำแถลง [3] ฉบับหนึ่งที่ออกโดยหอการค้าจีนประจำอียู (China Chamber of Commerce to the EU หรือ CCCEU)

คำแถลงของ CCCEU บอกว่า ตนเองและสมาชิกของตนต่างรู้สึกช็อกและไม่พอใจอย่างล้ำลึกจากการปฏิบัติการของอียูในครั้งนี้ คำแถลงบอกอีกว่าการบุกเข้าตรวจค้นเช่นนี้ของอียู คือการส่งข้อความที่มีอันตรายออกมาไม่เฉพาะกับพวกวิสาหกิจจีนเท่านั้น แต่กับกิจการที่มิใช่ของอียูทั้งหมดทั้งสิ้นในภูมิภาคนี้อีกด้วย

CCCEU กล่าวอีกว่า การเข้าตรวจสอบแบบไม่มีการประกาศแจ้งเช่นนี้ เป็นการบ่อนทำลายสภาพแวดล้อมทางธุรกิจสำหรับบริษัทต่างชาติทั้งหลายที่อยู่ภายในอียู โดยใช้ข้ออ้างที่ว่าเพื่อเป็นการตรวจตราการอุดหนุนชดเชยของต่างชาติมาเป็นเหตุผลบังหน้า

“อียูกำลังใช้ ‘กล่องรวมเครื่องมือ’ (toolkit) ทางเศรษฐกิจและทางการค้าของตน ตลอดจนพวกวิธีการเยียวยารักษาการค้า (trade remedies) กันบ่อยครั้งขึ้นเรื่อยๆ” วัง เหวินปิน (Wang Wenbin) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าว [4] ในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนตามปกติเมื่อวันพุธที่ 24 เม.ย. “อียูบอกว่าพวกเขาเป็นตลาดที่เปิดกว้างมากที่สุดในโลก แต่จากสิ่งที่โลกเราสามารถมองเห็นได้นั้น เป็นที่ชัดเจนว่าอียูกำลังขยับไปสู่ความเป็นลัทธิกีดกันการค้ามากขึ้นทุกที”

เขารบเร้าอียูให้เคารพปฏิบัติตามความผูกพันของพวกเขาที่มีต่อการเปิดตลาดและการแข่งขันอย่างเป็นธรรม กระทำตามกฎระเบียบต่างๆ ขององค์การการค้าโลก และยุติการคอยติดตามไล่จิกและจำกัดขีดวงล้อมพวกบริษัทจีนเอาไว้ภายใต้ข้ออ้างต่างๆ นานา

ทางด้าน EC กล่าวในคำแถลงฉบับหนึ่งว่า บริษัทจีนที่ถูกตรวจค้นในครั้งนี้ อาจจะได้รับการอุดหนุนชดเชยจากต่างประเทศ ซึ่งสามารถที่จะถือเป็นการพยายามบิดเบือนตลาดภายในของอียู ภายใต้กฎระเบียบว่าด้วยการอุดหนุนชดเชยจากต่างประเทศของสหภาพยุโรป

ตลาดเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์

การบุกตรวจค้นพวกสำนักงานของนัคเทคที่อยู่ในโปแลนด์และในเนเธอร์แลนด์เที่ยวล่าสุดนี้ ถือเป็นการเข้าตรวจค้นหาหลักฐานครั้งที่ 5 แล้วที่อียูเปิดขึ้นมาโดยมุ่งเล่นงานประดากิจการของจีนในช่วงไม่กี่เดือนหลังๆ นี้

ก่อนหน้าคราวนี้ อียูได้เปิดการสืบสวนมุ่งเล่นงานพวกบริษัทจีนที่เป็นซัปพลายเออร์ผลิตภัณฑ์อย่างแผงโซลาเซลส์, กังหันลม, และกระทั่งรถไฟไฟฟ้า ทั้งนี้อียูกล่าวหาจีนว่ากำลังใช้ระบบเศรษฐกิจสังคมนิยมของตนเพื่อบ่มเพาะเกื้อหนุนพวกรัฐวิสาหกิจของตัวเอง และคว้าชัยชนะได้สัญญาโครงการสีเขียวโครงการต่างๆ ในยุโรป

เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา อียูได้เปิดการสอบสวนที่มุ่งต่อต้านการอุดหนุนชดเชยต่อพวกผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ของจีน

นอกเหนือจากที่กล่าวมาเหล่านี้แล้ว ในวันพุธ (24 เม.ย.) อียูยังประกาศ [5] ว่าได้ริเริ่มเปิดการสอบสวนโดยอาศัยอำนาจของเครื่องมือนโยบายการค้าใหม่ที่มีชื่อว่า “เครื่องมือการจัดซื้อระหว่างประเทศ” (International Procurement Instrument) เป็นครั้งแรก โดยผู้ที่ถูกสอบสวนได้แก่พวกซัปพลายเออร์เครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ของจีน

คำแถลงระบุว่า หลักฐานแสดงให้เห็นว่าตลาดจัดซื้อพวกเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ของประเทศจีนกำลังค่อยๆ แปรเปลี่ยนไปในลักษณะปิดกั้นกิจการของยุโรปและกิจการของต่างชาติมากขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งปิดกั้นผลิตภัณฑ์ที่ทำในอียูยิ่งขึ้นทุกที

ในคำแถลงฉบับนี้ อียูวิพากษ์วิจารณ์ประเทศจีนว่ากำลังแบ่งแยกสร้างความแตกต่างอย่างไม่เป็นธรรมระหว่างพวกบริษัทท้องถิ่นกับพวกบริษัทต่างชาติ และระหว่างเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ผลิตขึ้นเองในท้องถิ่น และที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ

อียูบอกว่าได้หยิบยกความกังวลต่างๆ ของฝ่ายตนซึ่งเกี่ยวข้องเรื่องนี้ ขึ้นมาบอกกล่าวต่อทางการผู้มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบของจีนโดยตรงซ้ำแล้วซ้ำอีก ทว่าไม่เคยได้รับคำตอบหรือได้เห็นการปฏิบัติการในทางที่น่าพอใจเลย

มาถึงตอนนี้ พวกเขาจะเชื้อเชิญทางการผู้มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบของจีนยื่นหนังสือแสดงทัศนะความคิดเห็นของพวกเขา รวมทั้งจัดหาข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องมาประกอบการพิจารณา และจากนั้นพวกเขาก็จะเปิดการปรึกษาหารือกันด้วยจุดมุ่งหมายที่จะขจัดมาตรการต่างๆ ที่ก่อให้เกิดการแบ่งแยกกีดกัน

การสอบสวนของอียูและการปรึกษาหารือกันเช่นนี้ มีกำหนดจะให้ได้ข้อสรุปภายในระยะเวลา 9 เดือน โดยที่สามารถขยายเวลาไปอีก 5 เดือนหากมีความจำเป็น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ โฆษกผู้หนึ่งที่มิได้มีการระบุชื่อ ของกรมแก้ไขเยียวยาและการสอบสวนทางการค้า (Trade Remedy and Investigation Bureau) ซึ่งสังกัดอยู่กับกระทรวงพาณิชย์ของจีน ได้ออกคำแถลงตอบโต้ว่า “ในการตรวจพิสูจน์หลายๆ ครั้งที่กระทำเมื่อเร็วๆ นี้ อียูมีการกำหนดเป้าหมายเอาไว้ก่อนอย่างชัดเจน, ล่วงละเมิดกระบวนการของตนเอง, และนำเอาเครื่องมือการสอบสวนของตนมาใช้เป็นอาวุธเล่นงานคนอื่น” และกล่าวต่อไปว่า “พฤติการณ์แบบนักกีดกันการค้าเหล่านี้ แท้ที่จริงแล้วคือการบิดเบือนสภาพแวดล้อมแห่งการแข่งขันอย่างเป็นธรรม แต่พยายามขนานนามว่าเป็นการกระทำที่มุ่งก่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม”

โฆษกผู้นี้กล่าวต่อไปว่า จีนจะเฝ้าติดตามการปฏิบัติการต่อเนื่องทั้งหลายของอียูอย่างใกล้ชิด และดำเนินมาตรการที่จำเป็นทุกๆ อย่างเด็ดเดี่ยว ในการปกป้องสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมทั้งหลายของทางบริษัทจีน

ตามรายงานของแวดวงอุตสาหกรรมนี้ฉบับหนึ่ง ที่เผยแพร่ฮอกมาโดยบริษัทที่ปรึกษา แอสค์ซีไอ คอนซัลติ้ง จำกัด (AskCI Consulting Co Ltd) ระบุว่า ตลาดเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ของประเทศจีนมีการเติบโตในอัตรา 10.2% จนมีขนาดเท่ากับ 1.04 ล้านล้านหยวน(143,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ในปี 2023 จากระดับ 940,000 ล้านหยวนในปี 2022 นอกจากนั้นคาดหมายกันว่าตัวเลขนี้จะพุ่งขึ้นอีกในอัตราเท่ากับปีละ 9.1% สู่ระดับ 1.13 ล้านล้านหยวนในปีนี้

สำหรับตลาดเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ของยุโรปนั้น ได้รับการพยากรณ์กันว่าจะเติบโต [6] 4.1% เป็น 151,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปีนี้ จาก 145,790 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปี 2023 ทั้งนี้ตามตัวเลขข้อมูลของยูโรสแตท (Eurostat)

มีสถาบันวิจัยบางแห่งระบุ [7] ว่า จีนอาจจะแซงหน้ายุโรปไปเรียบร้อยแล้ว และกลายเป็นตลาดเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์แห่งใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลกรองจากสหรัฐฯตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่หากยังไม่เป็นเช่นนั้น มันก็น่าจะเป็นไปได้อย่างมากที่จีนจะบรรลุฐานะดังกล่าวนี้อยู่ดีภายในปี 2024

การไปเยือนยุโรปของ สี จิ้นผิง

ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา อียูเรียกร้องซ้ำแล้วซ้ำอีกให้จีนเข้ามาช่วยเหลือยุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน อย่างไรก็ตาม ยุโรปก็มีแต่ต้องผิดหวังกับการตอบสนองของปักกิ่ง แม้จนกระทั่งถึงเวลานี้

ระหว่างการหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนในกรุงปักกิ่งเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ชาร์ลส์ มิเชล (Charles Michel) ประธานคณะมนตรียุโรป (European Council President ประธานของที่ประชุมบรรดาผู้นำรัฐและผู้นำรัฐบาลชาติสมาชิกสหภาพยุโรป) ขอร้อง [8] ให้จีนลงมือจัดการทันทีกับ 13 บริษัทจีนที่กำลังจัดส่งพวกสินค้าซึ่งสามารถนำไปใช้ทั้งทางการทหารและทางพลเรือนไปให้แก่รัสเซีย ทางด้าน อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน (Ursula von der Leyen) ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ก็กล่าวเรียกร้องว่า จีนควรต้องป้องกันความพยายามใดๆ ของรัสเซียที่มุ่งบ่อนทำลายผลของมาตรการแซงก์ชั่นต่างๆ ซึ่งสหภาพยุโรปและฝ่ายตะวันตกประกาศออกมาบังคับใช้

มาถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ อียูแถลงว่ากำลังเพิ่มรายชื่อบุคคลและหน่วยงานกิจการต่างๆ จำนวนเกือบ 200 ชื่อ โดยส่วนใหญ่เป็นพวกที่มาจากรัสเซีย เข้าไปในบัญชีดำของสหภาพยุโรป ในฐานะที่พวกเขาเหล่านี้ได้ช่วยเหลือจัดหาพวกเทคโนโลยีก้าวหน้าและพวกสินค้าทางทหารที่ผลิตขึ้นในยุโรปไปให้รัสเซีย โดยที่มีบริษัทเหล่านี้บางแห่งตั้งอยู่ในตุรกี และเซอร์เบีย

รายงานของสื่อมวลชนระบุ [9] ว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนก็กำลังจะไปเยือนฝรั่งเศส, เซอร์เบีย, และฮังการ ตอนต้นเดือนพฤษภาคมนี้ โดยที่ สี จะพบปะหารือกับประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศสในกรุงปารีส เนื่องในวาระที่ปีนี้เป็นปีที่ 60 ของการมีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีน-ฝรั่งเศส

นักวิจารณ์แสดงความคิดเห็นผ่านสื่อ (คอมเมนเตเตอร์) บางรายบอกว่า เรื่องที่จีนถูกกล่าวหาว่ามีความสามารถการผลิตทางอุตสาหกรรมล้นเกิน รวมทั้งให้ความสนับสนุนรัสเซีย จะเป็นหัวข้อสำคัญที่สุดของวาระการเจรจากันระหว่างสีกับมาครง

ขณะที่ประธานาธิบดีอเล็กซานดาร์ วูชิช ของเซอร์เบีย เคยกล่าวในการให้สัมภาษณ์สื่อจีน CGTN เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน เขายังเป็นผู้เปิดเผยในตอนนั้นว่า สีจะเดินทางไปเยือนเซอร์เบียในปีนี้

เชิงอรรถ

[1] https://www.euronews.com/my-europe/2024/04/23/commission-carries-out-first-raid-under-foreign-subsidies-regulation
[2]https://www.nuctech.com/en/SitePages/SeNormalPage.aspx?nk=ABOUT&k=ACABGD
[3] http://en.ccceu.eu/index.html
[4]https://www.fmprc.gov.cn/eng/xwfw_665399/s2510_665401/2511_665403/202404/t20240424_11288531.html
[5]https://ec.europa.eu/commission/presscorner/detail/en/ip_24_2044
[6]https://www.marketdataforecast.com/market-reports/europe-medical-devices-market
[7] https://news.cgtn.com/news/2023-07-05/China-becomes-second-largest-market-for-medical-devices-in-the-world-1lbS6NseZyw/index.html
[8] https://www.politico.eu/article/eu-china-summit-list-chinese-firms-russia-links-xi-jinping/
[9]https://www.scmp.com/news/china/diplomacy/article/3253632/next-stop-serbia-chinese-president-xi-jinping-expected-visit-europe-trust-building-tour
กำลังโหลดความคิดเห็น