xs
xsm
sm
md
lg

เอาไปทำอะไร! สะพัด US จัดซื้อเครื่องบินยุคโซเวียตถูกกว่ารถยนต์ ท่ามกลางสงครามยูเครน-รัสเซีย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 ภาพเครื่องบิน MiG-31 จาก Wikimedia Commons
มีรายงานว่าสหรัฐฯ ได้จัดซื้อเครื่องบินยุคสหภาพโซเวียตที่เพิ่งปลดเกษียณเมื่อเร็วๆ นี้ไปหลายลำ ระหว่างการประมูลเมื่อไม่นานที่ผ่านมา ที่จัดโดยคาซัคสถาน ความเคลื่อนไหวที่ก่อแรงคาดเดากันไปต่างๆ ในนั้นรวมถึงความเป็นไปได้ที่จะนำไปให้กองกำลังเคียฟใช้งาน ในความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน

วอชิงตันเป็นผู้ชนะการประมูลเครื่องบิน 81 จากทั้งหมด 117 ลำ จัดซื้อฝูงบินเหล่านี้ผ่านบริษัทนอกอาณาเขต ในมูลค่ารวม 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามรายงานของเคียฟโพสต์ในวันอาทิตย์ (28 เม.ย.) รายงานระบุว่าการจัดซื้อครั้งนี้ ประกอบด้วย เครื่องบินขับไล่ MiG-29 เครื่องบินทิ้งระเบิดขับไล่ MiG-27 และเครื่องบินทิ้งระเบิด Su-24 แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นจำนวนเท่าใดในแต่ละรุ่น

คาซัคสถานยังเสนอเครื่องบินสกัดกั้น MiG-31 ในการประมูลด้วย อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวระบุว่าเครื่องบินทั้งหมดถูกจัดอยู่ในลิสต์ "สภาพที่ใช้งานไม่ได้" และดูเหมือนค่าปรับปรุงยกเครื่องพวกมันให้มีความทันสมัย จะไม่เป็นประโยชน์เท่าไหร่ในแง่ของความคุ้มทุน ทั้งนี้เครื่องบินเหล่านี้ซึ่งถูกสร้างขึ้นระหว่างช่วงทศวรรษ 1970 ถึง 1980 ถูดปลดประจำการภายใต้โครงการปรับปรุงกองทัพให้มีความทันสมัยของคาซัคสถาน

ในข้อเท็จจริงคือ สหรัฐฯ จ่ายเงินซื้อโดยเฉลี่ยแล้วลำละไม่ถึง 19,000 ดอลลาร์ (ราว 7 แสนบาท) และทั้งฝูงบิน 81 ลำ ราคารวมกันไม่ถึง 1 ใน 10 ของขีปนาวุธ AGM-114 Hellfire กระสุนยิงจากอากาศสู่ภาคพื้นที่ปกติแล้วจะใช้งานโดยโดรนและฝูงบินรบของสหรัฐฯ

หนังสือพิมพ์เคียฟโพสต์ ระบุว่า พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ไม่ได้ประกาศว่าฝูงบินที่คาซัคสถานปลดประจำการเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ทำอะไร แต่เนื่องจากรุ่นต่างๆ ทั้งหมดนี้ยังคงอยู่ในประจำการในยูเครน จึงคาดการณ์กันว่าในท้ายที่สุดแล้ว พวกมันน่าจะถูกถ่ายโอนไปให้เคียฟ "ถ้ามันเกิดขึ้น ดูเหมือนว่ากองกำลังยูเครนจะแยกชิ้นส่วนเครื่องบินเพื่อเอาอะไหล่ หรือใช้มันเป็นตัวล่อที่สนามบิน"

คาซัคสถาน ในประวัติศาสตร์เป็นพันธมิตรกับรัสเซีย แต่พวกเขามีการคบค้ากับบรรดาชาติตะวันตกมากขึ้น นับตั้งแต่วิกฤตยูเครนเริ่มต้นขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 โดยประธานาธิบดีคัสซิม โจมาร์ท โตคาเยฟ เพิ่งเป็นเจ้าภาพต้อนรับการมาเยือนของเดวิด คาเมรอน รัฐมนตรีต่างประเทศสหราชอาณาจักร เมื่อช่วงต้นเดือน ขณะที่ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ก็เคยเดินทางเยือนเมืองอัสตานา ในปีที่แล้ว เพื่อเจรจากับพวกผู้นำชาติเอเชียกลาง

(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)


กำลังโหลดความคิดเห็น