สหรัฐฯ จะพัฒนา "เครื่องบินวันสิ้นโลก" ลำใหม่ โดยมีเจตนาเพื่อเปิดทางให้ประธานาธิบดียังคงนำพาประเทศต่อไปได้ ในกรณีที่เกิดสงครามนิวเคลียร์ หรือหายนะเลวร้ายอื่นๆ ที่ทำลายกองบัญชาการและศูนย์ควบคุมต่างๆ ทางภาคพื้น จากคำแถลงของกองทัพอากาศในช่วงสุดสัปดาห์
โฆษกกองทัพอากาศสหรัฐฯ แถลงเมื่อวันศุกร์ (26 เม.ย.) ระบุว่า สัญญามูลค่า 13,000 ล้านดอลลาร์ ในโครงการ Survivable Airborne Operations Center (SAOC) ตกเป็นของบริษัทเซียร์รา เนวาดา คอร์ป
ถ้อยแถลงระบุว่า โครงงานเกี่ยวกับอากาศยานทางทหารใหม่นี้ ที่จะเป็นทั้งศูนย์ควบคุมและบัญชาการทางยุทธศาสตร์ จะดำเนินการ ณ โรงงานต่างๆ ของบริษัทเซียร์รา เนวาดา คอร์ป ทั้งในโคโลราโด เนวาดาและโอไฮโอ ขณะที่เส้นตายของโครงการนี้ขีดไว้ในปี 2036
ทางโฆษกบอกต่อว่าโครงการ SAOC จะสร้างจากพื้นฐานของเครื่องบินพาณิชย์ แต่จะเสริมความแข็งแรงและดัดแปลงให้เข้ากับมาตรฐานต่างๆ ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน)
โครงการ SAOC มีเจตนาสร้างขึ้นมาแทนที่เครื่องบิน E4-B Nightwatch เครื่องบินวันสิ้นโลกลำเดิม หรือ National Airborne Operations Center ที่กองทัพอากาศสหรัฐฯ ใช้งานอยู่ ณ เวลานี้
สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า เครื่องบิน E4-B Nightwatch ซึ่งสร้างจากโบอิ้ง 747 อยู่ในประจำการมาตั้งแต่ช่วงกลางทศวรรษ 1970 และมีแผนปลดประจำการในช่วงต้นทศวรรษ 2030 เนื่องจากเป็นเรื่องยากมากในการบำรุงรักษาเครื่องบิน เพราะอะไหล่ต่างๆ เริ่มหาไม่ได้แล้ว
ปัจจุบัน กองทัพอากาศสหรัฐฯ มีเครื่องบินวันสิ้นโลก 4 ลำ และหนึ่งในนั้นถูกสั่งอยู่ในสภาวะตื่นตัวอยู่เสมอ ทั้งนี้ E4-B มีอุปกรณ์การสื่อสารที่ทันสมัย มีศักยภาพเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ และสามารถทนต่อแรงระเบิดของนิวเคลียร์และผลกระทบของแม่เหล็กไฟฟ้าต่างๆ
ในส่วนของรัสเซีย มีเครื่องบินวันสิ้นโลก 4 ลำ ซึ่งสร้างจากพื้นฐานของเครื่องบิน Ilyushin Il-80 มันถูกส่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นครั้งแรกตั้งแต่ช่วงปี 1985 แต่ได้มีการอัปเดตอุปกรณ์สื่อสารในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ขณะที่สำนักข่าวอาร์ไอเอ-โนวอสติ เคยอ้างแหล่งข่าวในปี 2022 ระบุว่าเครื่องบินลำนี้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกับกองเรือดำน้ำนิวเคลียร์ของรัสเซียได้แล้ว
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)