นายกรัฐมนตรี เจมส์ มาราเป แห่งปาปัวนิวกินี ออกมาแสดงความคิดเห็นตอบโต้เรื่องเล่าเกี่ยวกับ “มนุษย์กินคน” ของประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ โดยชี้ว่าปาปัวนิวกินีไม่สมควรถูกพะยี่ห้อว่าเป็นเมืองมนุษย์กินคน พร้อมเรียกร้องให้สหรัฐฯ มาตามเก็บร่างทหารที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ทั่วแปซิฟิกด้วย
การแสดงความคิดเห็นตอบโต้นี้เกิดขึ้นท่ามกลางการช่วงชิงอิทธิพลระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ทั้งในปาปัวนิวกินีและภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ซึ่งทำให้สหรัฐฯ ตัดสินใจทำสัญญาความร่วมมือด้านกลาโหมกับปาปัวนิวกินีเมื่อปีที่แล้ว ในขณะที่ หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ก็เดินทางเข้าพบ มาราเป ที่กรุงพอร์ตมอร์สบี เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (21 เม.ย.)
สัปดาห์ที่แล้ว ไบเดน ได้เล่าถึงการตายของ แอมโบรส ฟินเนแกน (Ambrose Finnegan) ลุงของเขาซึ่งเป็นทหารอากาศปฏิบัติภารกิจควบคุมเครื่องบินสอดแนมของสหรัฐฯ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
“เขาถูกยิงตกที่นิวกินี และไม่มีใครหาร่างของเขาพบ เพราะว่าเคยมีมนุษย์กินคนอาศัยอยู่มากมายในพื้นที่แถบนั้นของนิวกินี” ไบเดน กล่าวระหว่างปราศรัยที่เมืองพิตสเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย
สำนักงานของ มาราเป ออกคำแถลงเมื่อค่ำวันอาทิตย์ (21 เม.ย.) ว่า ไบเดน “ดูเหมือนจะพยายามสื่อว่าลุงของเขาตกเป็นเหยื่อมนุษย์กินคน หลังจากที่เครื่องบินถูกยิงตกในปาปัวนิวกินีเมื่อช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2”
“คำพูดของประธานาธิบดี ไบเดน อาจจะเป็นแค่การพลั้งปาก ทว่าประเทศของผมไม่สมควรที่จะถูกตราหน้าเช่นนั้น” มาราเป กล่าว
นายกฯ ปาปัวนิวกินียังเรียกร้องให้ทำเนียบขาว “หาวิธีเก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิตในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อให้โลกได้ทราบความจริงเกี่ยวกับทหารที่สูญหายไปอย่าง แอมโบรส ฟินเนแกน”
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ตอบคำถามของผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับถ้อยแถลงของ มาราเป โดยยืนยันว่าสหรัฐฯ “เคารพในประชาชนและวัฒนธรรมของปาปัวนิวกินี และยังคงมุ่งมั่นที่จะสานต่อความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติประชาธิปไตยต่อไป”
ไบเดน เคยพยายามโยงความสัมพันธ์ส่วนตัวกับประวัติศาสตร์ยุคสงครามของปาปัวนิวกินีมาแล้วครั้งหนึ่งตอนที่ไปเยือนออสเตรเลีย โดยเล่าเรื่องของ ฟินเนแกน ที่เสียชีวิตจากเหตุเครื่องบินตกเมื่อเดือน พ.ค. ปี 1944 เช่นเดียวกัน
นักประวัติศาสตร์ชี้ว่า ปาปัวนิวกินีถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่ช่วยให้สหรัฐฯ สามารถปลดปล่อยฟิลิปปินส์ได้สำเร็จในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ในขณะที่ออสเตรเลียก็พยายามอ้างประวัติศาสตร์ยุคสงครามเพื่อรื้อฟื้นความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์กับเพื่อนบ้านตอนเหนือเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากสงครามในอดีตยังคงเป็นบาดแผลในใจสำหรับชาวหมู่เกาะแปซิฟิก
มาราเป กล่าวว่า ประเทศของเขา “ไม่ควรถูกดึงเข้าไปพัวพันสงครามซึ่งพวกเราไม่ได้เป็นผู้ก่อ” และทุกวันนี้ปาปัวนิวกินี รวมถึงหมู่เกาะโซโลมอน ก็ยังคงเต็มไปด้วยซากศพทหารยุคสงคราม ซากเครื่องบิน ซากเรือ และอุโมงค์ต่างๆ รวมถึงกับระเบิดที่ยังคงหลงเหลือและคร่าชีวิตผู้คนอยู่
ที่มา : รอยเตอร์, Politico