xs
xsm
sm
md
lg

ลงลึกเหตุที่ ‘ไบเดน’ขู่ลงโทษจีน กล่าวหาเป็นตัวการทำบริษัทอู่ต่อเรือและเหล็กกล้าสหรัฐฯย่ำแย่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: เจฟฟ์ เปา


ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ กล่าวปราศรัยในงานรณรงค์หาเสียงที่สำนักงานใหญ่ของสหภาพแรงงานคนงานเหล็กกล้า ยูไนเต็ด สตีลเวิร์กเกอร์ ในเมืองพิตสเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2024 ที่ซึ่งไบเดนเรียกร้องให้ขึ้นอัตราภาษีศุลกากรเหล็กกล้าและอลูมิเนียมจากจีนเป็น 3 เท่าตัว โดยอ้างว่าเนื่องจากจีนใช้วิธีแข่งขันทางการค้าอย่างไม่เป็นธรรม  ขณะที่เขาพยายามดึงคะแนนเสียงของผู้ใช้แรงงาน เพื่อคว้าชัยในรัฐ “สวิง สเตท” สำคัญแห่งนี้
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)

US complains China hurts shipbuilding, steel firms
By JEFF PAO
19/04/2024

ประเทศจีนเวลานี้เป็นผู้ส่งออกเหล็กกล้าและอลูมิเนียมรายใหญ่ที่สุดในโลก และก็เป็นชาตินักต่อเรืออันดับหนึ่งอีกด้วย

คณะบริหารประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพิ่งเปิดเผยมาตรการชุดใหม่ที่พยายามปกป้องคุ้มครองอุตสาหกรรมต่อเรือและอุตสาหกรรมเหล็กกล้าของสหรัฐ จากการถูกกัดกร่อนสร้างความเสียหายโดยสิ่งที่พวกเขากล่าวหาว่าเป็นศักยภาพการผลิตที่ล้นเกินตลอดจนการลงทุนต่างๆ ที่ไม่ได้เป็นไปตามกลไกตลาดของจีน

หนึ่งในมาตรการเหล่านี้ได้แก่การอาศัยอำนาจในหมวด 301 ของรัฐบัญญัติการค้า (section 301 of the Trade Act) ของสหรัฐฯ ริเริ่มดำเนินการสอบสวน [1] ภาคการเดินเรือทะเล, โลจิสติกส์, และการต่อเรือ อีกมาตรการหนึ่งซึ่งยังคงอยู่ในขั้นตอนความเป็นไปได้ที่จะถูกนำมาใช้ จะเป็นการขึ้นอัตราภาษีศุลกากรที่เก็บจากเหล็กกล้าและอลูมิเนียมนำเข้าของจีนจากอัตรา 7%ในปัจจุบัน

ความเคลื่อนไหวเหล่านี้นับว่าตรงกันข้ามกับวิธีการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯเคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ ไบเดนคือผู้ที่ในช่วงปี 2018-2019 ได้เคยกล่าววิพากษ์วิจารณ์ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯในตอนนั้นที่ประกาศขึ้นภาษีศุลกากร 25% รวดเอากับสินค้าอุตสาหกรรมที่นำเข้าจากจีน

ในเวลานั้น ทรัมป์กล่าวหาจีนว่ากำลังขโมยเอาตำแหน่งงานสหรัฐฯไปเป็นล้านๆ ตำแหน่งด้วยการปั่นค่าเงินตราของตนเอง ไบเดนเคยพูด [2] ในเวลานั้นว่าภาษีศุลกากรที่เพิ่มขึ้นนี้มีแต่จะสร้างความเสียหายให้แก่พวกเกษตรกร, โรงงานอุตสาหกรรมการผลิต, และผู้บริโภคชาวอเมริกันเท่านั้น จากการที่พวกเขาต้องจ่ายเงินเพิ่มมากขึ้น

อย่างไรก็ดี หลังจากเขาขึ้นครองอำนาจในเดือนมกราคม 2021 ไบเดนก็ไม่ได้ยกเลิกอัตราภาษีศุลกากรที่สูงขึ้นเหล่านี้แต่อย่างใด

ความกังวลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

“ศักยภาพการผลิตที่ล้นเกินและการลงทุนต่างๆ ที่ไม่ได้เป็นไปตามกลไกตลาดของจีนในอุตสาหกรรมเหล็กกล้าและอลูมิเนียม หมายความว่าผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงของสหรัฐฯต้องแข่งขันกับพวกผลิตภัณฑ์ทางเลือกที่ถูกผลิตขึ้นมาโดยมีการปล่อยไอเสียคาร์บอนปริมาณสูงกว่าและมีราคาต่ำแบบถูกสร้างขึ้นมา” คณะบริหารไบเดนกล่าวเช่นนี้ [3] ในคำแถลงที่เผยแพร่ออกมาเมื่อวันพุธ (17 เม.ย.)

คณะบริหารไบเดนระบุว่า พวกเขาตระหนักดีว่ามีความกังวลกันมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับวิธีปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมของจีน ซึ่งก็รวมถึงการปล่อยเหล็กกล้าออกมาท่วมท้นตลาดในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนตลาด (below-market-cost) โดยที่เรื่องนี้ยังกำลังบิดเบือนตลาดการต่อเรือในขอบเขตทั่วโลก และบ่อนทำลายการแข่งขัน

คำแถลงระบุว่า ไบเดนกำลังเรียกร้องให้ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (US Trade Representative) แคเธอรีน ไท่ (Katherine Tai) พิจารณาใช้อำนาจตามหมวด 301 ขึ้นอัตราภาษีศุลกากรเป็น 3 เท่าตัวของอัตราปัจจุบันต่อเหล็กกล้าและอลูมิเนียมจีน และยังสั่งการให้ทีมงานของเขาป้องกันไม่ให้จีนและประเทศอื่นๆ สามารถหลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากรที่เก็บจากเหล็กกล้าและอลูมิเนียมโดยใช้วิธีนำเข้าจากเม็กซิโกเข้าสู่สหรัฐฯ

หนังสือร้องเรียน

เมื่อวันที่ 12 มีนาคม มีสหภาพแรงงานระดับชาติในสหรัฐฯ จำนวน 5 แห่งระบุในหนังสือร้องเรียนฉบับหนึ่ง [4] ว่า ภาคการต่อเรือพาณิชย์ของสหรัฐฯได้สูญเสียตำแหน่งงานไปหลายหมื่นตำแหน่งแล้ว รวมทั้งอู่ต่อเรือก็เลิกกิจการไปมากกว่า 70% ทีเดียวตั้งแต่ปี 1975 เป็นต้นมา

พวกเขาบอกว่าวิธีปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมของจีน ซึ่งเวลานี้มีฐานะเป็นชาตินักต่อเรือรายใหญ่ที่สุดของโลก คืออุปสรรคข้อใหญ่ที่สุดซึ่งขัดขวางการฟื้นตัวของภาคการต่อเรือในสหรัฐฯ

พวกเขากล่าวหาว่าจีนกำลังลงทุนคิดเป็นมูลค่าเท่ากับหลายแสนล้านดอลลาร์ อีกทั้งใช้นโยบายเชิงสนับสนุนจำนวนมากเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมต่อเรือของพวกเขาให้เฟื่องฟูขึ้นมา นับตั้งแต่ที่แดนมังกรเข้าร่วมเป็นสมาชิกอยู่ในองค์การการการค้าโลก (World Trade Organization หรือ WTO) ในปี 2001

ทางด้านจีนนั้น โฆษกของกระทรวงพาณิชย์จีน ได้ออกมาแถลงตอบโต้ในวันพฤหัสบดี (18 เม.ย.) [5] ว่า “หนังสือร้องเรียนในสหรัฐฯนี้เต็มไปด้วยข้อกล่าวหาที่ผิดๆ” พร้อมกับแจกแจงว่า หนังสือดังกล่าว” ตีความอย่างไม่ถูกต้องว่าพวกกิจกรรมทางการค้าและทางการลงทุนปกติธรรมดา คือสิ่งที่กำลังสร้างความเสียหายให้แก่ความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯและผลประโยชน์ต่างๆ ของภาคธุรกิจสหรัฐฯ อีกทั้งประณามกล่าวโทษจีนว่าเป็นตัวการในประเด็นปัญหาทางอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ โดยปราศจากมูลฐานด้านข้อเท็จจริง และเป็นการตรงกันข้ามกับสามัญสำนึกในทางเศรษฐศาสตร์”

โฆษกผู้นี้บอกว่า จีนไม่พอใจอย่างแรงกล้าและต้องคัดค้านอย่างหนักแน่นต่อการดำเนินการสอบสวนโดยใช้อำนาจตามหมวด 301 ที่เพิ่งเปิดขึ้นใหม่คราวนี้ เขากล่าวว่าสหรัฐฯกำลังกระทำความผิดพลาดอีกครั้งหนึ่งแล้ว ทั้งๆ ที่ องค์การการค้าโลกได้วินิจฉัยออกมาเรียบร้อยแล้วว่าการจัดเก็บภาษีศุลกากรเอากับจีนของคณะบริหารทรัมป์นั้นเป็นการละเมิดกฎเกณฑ์ของ WTO

ใครกันแน่ พวกเกลียดกลัวต่างชาติ?

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวเก็งที่จะเป็นผู้สมัครลงแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯในเดือนพฤศจิกายนนี้ ประกาศว่า เขาจะขึ้นอัตราภาษีศุลกากรเอากับพวกสินค้าจีนทั้งหลายอีกในระดับมากกว่า 60% หากชนะได้เป็นประธานาธิบดีครั้งใหม่ ต่อมาเมื่อเดือนมีนาคม เขาโวลั่นที่จะเล่นงานรถยนต์ผลิตที่เม็กซิโกโดยพวกบริษัทจีนทั้งหลาย ด้วยการเก็บอัตราภาษีศุลกากร 100%

เวลาเดียวกันนั้นเอง ในระยะไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ไบเดนก็ได้เน้นย้ำเรื่องผลกระทบทางลบของภาวะศักยภาพการผลิตทางอุตสาหกรรมที่ล้นเกินของจีนซึ่งมีต่อตลาดงานอเมริกัน

ระหว่างการไปรณรงค์หาเสียงที่เมืองพิตส์เบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อวันพุธ (17 เม.ย.) ไบเดนบอกกับพวกคนงานเหล็กกล้าในท้องถิ่นแถบนั้น [6] ว่า คณะบริหารของเขาจะขึ้นภาษีศุลกากรเอากับเหล็กกล้าและอลูมิเนียมจีน

เขาเรียกจีนว่า เป็นพวก “เกลียดกลัวต่างชาติ” เนื่องจากเป็นประเทศที่ “ไม่นำเข้าอะไรสักอย่างเลย” เขากล่าวว่าจีนมีประชากรที่อยู่ในวัยสูงอายุขึ้นเรื่อยๆ และเศรษฐกิจของพวกเขาก็มีปัญหาอย่างจริงจังหลายๆ ด้าน

ปรากฏว่า หลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้กล่าวตอบโต้ทันควันระหว่างการแถลงข่าวตามปกติของกระทรวงเมื่อวันพฤหัสบดี (18 เม.ย.) ว่า “คำพูดพวกนี้กำลังหมายถึงจีน หรือว่าหมายถึงสหรัฐฯเองกันแน่?” [7]

“เราเองกำลังเรียกร้องสหรัฐฯให้แสดงความเคารพอย่างจริงจังต่อหลักการว่าด้วยการแข่งขันอย่างเป็นธรรม, ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของ WTO อย่างเคร่งครัด, และยกเลิกมาตรการแบบนักลัทธิกีดกันการค้า (trade protectionist measures) ทั้งหมดทั้งสิ้นที่ใช้เล่นงานจีนอยู่ในทันที” เขากล่าว “จีนจะทำสิ่งที่จำเป็นเพื่อปกป้องคุ้มครองสิทธิอันชอบธรรมของตนเอง”

ตามตัวเลขข้อมูลของสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าอเมริกัน (American Iron and Steel Institute หรือ AISI) พวกบริษัทผู้ผลิตเหล็กกล้าอเมริกันนำเข้าเหล็กกล้าเป็นจำนวน 28.25 ล้านตันในปี 2023 ที่ผ่านมา ลดลง 8.7% จากเมื่อปี 2022

ทั้งนี้สหรัฐฯนำเข้า [8] เหล็กกล้าเป็นจำนวน 6.88 ล้านตันจากแคนาดา, 4.18 ล้านตันจากเม็กซิโก, และ 3.94 ล้านตันจากบราซิล

ขณะที่ทางด้านจีนส่งออกผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าเพิ่มมากขึ้น [9] 36% ขึ้นสู่ปริมาณ 90.3 ล้านตันในปี 2023 จากระดับเมื่อ 1 ปีก่อนหน้า ทั้งนี้ตามข้อมูลตัวเลขของสมาคมเหล็กและเหล็กกล้าประเทศจีน (China Iron and Steel Association หรือ CISA) จุดหมายปลายทางที่สำคัญที่สุด [10] ของเหล็กกล้าส่งออกจากจีน ได้แก่ เกาหลีใต้, เวียดนาม, ไทย, อินโดนีเซีย, และตุรกี ทั้งนี้ตามตัวเลขของเมื่อปี 2022

ผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าจีนถูกส่งออกโดยตรงไปยังสหรัฐฯเป็นปริมาณรวมทั้งสิ้น 600,000 ตัน หรือเท่ากับเพียงราวๆ 2.3% ของปริมาณนำเข้าเหล็กกล้าโดยรวมของสหรัฐฯซึ่งอยู่ที่ 25.6 ล้านตันในปี 2023

ในปี 2022 จีนมีฐานะเป็นผู้ส่งออกอลูมิเนียมและผลิตภัณฑ์อลูมเนียมรายใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยมูลค่าการส่งออกเกินกว่าระดับ 42,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามติดมาด้วยเยอรมนี (21,100 ล้านดอลลาร์) และสหรัฐฯ (14,510 ล้านดอลลาร์)

ในปีที่แล้ว สหรัฐฯนำเข้าอลูมิเนียมจีนเป็นปริมาณ 200,000 ตัน เท่ากับ 3.7% ของการนำเข้าอลูมิเนียมทั้งหมดของสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ที่ 5.46 ล้านตัน

“เป็นเรื่องน่าหัวเราะเยาะที่ไบเดนเรียกร้องให้ขึ้นภาษีศุลกากรเอากับเหล็กกล้าและอลูมิเนียมจีน ขณะที่เวลานี้สหรัฐฯกำลังเสาะแสวงหาโลหะสองชนิดนี้จากสถานที่อื่นๆ เป็นหลัก” นักเขียนที่ตั้งฐานอยู่ในมณฑลซานตงผู้หนึ่งกล่าว [11] ในข้อเขียนซึ่งนำออกเผยแพร่ในวันพฤหัสบดี (18 เม.ย.) “ไบเดนเพียงแต่ต้องการหาทางให้ได้เสียงสนับสนุนจากรัฐที่คะแนนนิยมแกว่งตัวไปมาไม่แน่นอน (สวิง สเตท swing state) อย่างเพนซิลเวเนียเท่านั้นเอง”

เขากล่าวต่อไปว่า จุดโฟกัสในการแสดงความคิดเห็นล่าสุของไบเดนนี้ไม่ได้เป็นเรื่องเกี่ยวกับจีนเลย ตรงกันข้าม มันเป็นเรื่องที่ประธานาธิบดีผู้นี้ตัดสินใจขัดขวางไม่ให้บริษัทนิปปอน สตีล (Nippon Steel) ของญี่ปุ่น เข้าซื้อกิจการของบริษัท ยูเอส สตีล คอร์ป (US Steel Corp) ซึ่งตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองพิตสเบิร์กต่างหาก

ทั้งนี้ เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว นิปปอน สตีล ได้ยื่นเสนอขอซื้อกิจการ ยูเอส สตีล คอร์ป ด้วยราคา 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่เวลานี้ดีลนี้อยู่คงอยู่ระหว่างการถูกสอบสวนซึ่งเปิดขึ้นมาโดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ว่าจะมีการละเมิดกฎเกณฑ์ทางด้านการต่อต้านการผูกขาดหรือไม่

เชิงอรรถ

[1] https://ustr.gov/about-us/policy-offices/press-office/press-releases/2024/april/ustr-initiates-section-301-investigation-chinas-targeting-maritime-logistics-and-shipbuilding
[2] https://www.cnbc.com/2019/07/11/joe-biden-slams-trump-china-trade-war-in-foreign-policy-speech.html
[3] https://www.cnbc.com/2019/07/11/joe-biden-slams-trump-china-trade-war-in-foreign-policy-speech.html
[4]https://ustr.gov/sites/default/files/Section%20301%20Petition%20-%20Maritime%20Logisitics%20and%20Shipbuilding%20Sector.pdf
[5]http://www.mofcom.gov.cn/article/syxwfb/202404/20240403503763.shtml
[6] https://time.com/6968357/biden-china-xenophobia-2024-campaign/
[7]https://www.fmprc.gov.cn/eng/xwfw_665399/s2510_665401/2511_665403/202404/t20240418_11284243.html
[8] https://gmk.center/en/news/usa-reduced-steel-imports-by-8-7-y-y-in-2023/
[9] https://gmk.center/en/news/china-exported-90-3-million-tons-of-steel-products-in-2023/
[10] https://oec.world/en/profile/bilateral-product/iron-steel/reporter/chn
[11]https://www.163.com/dy/article/J02TTQR6055662BI.html
กำลังโหลดความคิดเห็น