ราคาน้ำมันขยับลง 3% ในวันพุธ (17 เม.ย.) จากแรงกดดันของข้อมูลคลังเชื้อเพลิงสำรองของอเมริกา ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบ ก่อนหน้าบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่เผยแพร่รายงานผลประกอบการ ขณะที่ทองคำปรับลด แต่ยังคงแกว่งตัวอยู่ใกล้ๆ ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 2.67 ดอลลาร์ ปิดที่ 82.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 2.73 ดอลลาร์ ปิดที่ 87.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
พวกนักวิเคราะห์ไม่คาดหมายว่าการยิงขีปนาวุธและโดรนโจมตีอิสราเอล อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนของอิหร่าน จะกระตุ้นให้สหรัฐฯ คว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน
ขณะเดียวกัน ตลาดน้ำมันยังถูกฉุดจากข้อมูลคลังปิโตรเลียมสำรองของสหรัฐฯ หลังพบว่าสต๊อกน้ำมันดิบของอเมริกาในสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 2.7 ล้านบาร์เรล เป็น 460 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่พวกนักวิเคราะห์คาดหมายเกือบ 2 เท่า
ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบต่อเนื่องในวันพุธ (17 เม.ย.) ก่อนหน้าที่บรรดาบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่และเหล่าบริษัทอุตสาหกรรมทรงอิทธิพลทั้งหลายมีกำหนดเผยแพร่รายงานผลประกอบการ
ดาวโจนส์ ลดลง 45.66 จุด (0.12 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 37,753.31 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 29.20 จุด (1.85 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,022.21 จุด แนสแดค ลดลง 181.88 จุด (1.15 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,683.37 จุด
วอลล์สตรีทยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันจากความหวังที่ลดลงต่อการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2024 และความกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง
อย่างไรก็ตาม ในวันพุธ (17 เม.ย.) ตลาดจับตารายงานผลประกอบการบริษัทยักษ์ใหญ่ "สิ่งเดียวที่จะสามารถดึงตลาดให้ดีดตัวขึ้น นั่นคือรายงานผลประกอบการ" ปีเตอร์ คาร์ดิลโล จากสปาร์ตัน แคปิตอล กล่าว ชี้ถึงรายงานผลประกอบการบริษัทยักษ์ใหญ่ที่จะเริ่มเผยแพร่ออกมาในช่วงปลายสัปดาห์ ในนั้นรวมถึงเน็ตฟลิกซ์
ด้านราคาทองคำปรับลดในวันพุธ (17 เม.ย.) แต่ยังคงซื้อขายใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แรงกดดันจากความหวังปรับลดดอกเบี้ยที่ลดลงในสหรัฐฯ บดบังสถานการณ์ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนมิถุนายนลดลง 19.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 2,388.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์/เอเอฟพี)