ปฏิบัติการโจมตีของอิหร่านต่ออิสราเอลเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (13 เม.ย.) เรียกเสียงชื่นชมจากชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาซึ่งมองว่าเป็นการช่วยแก้แค้นให้บ้านเมืองของพวกเขาซึ่งถูกกองทัพยิวยิงถล่มมานานกว่า 6 เดือน ทว่าก็มีบางคนที่ตั้งข้อสงสัยว่านี่อาจเป็นเพียง “การแสดง” มากกว่าจะตั้งใจก่อความเสียหายให้อิสราเอลจริงๆ และบ้างก็เชื่อว่าคงจะมีการ "เตี๊ยม" กับสหรัฐฯ เอาไว้แล้วด้วย
“นี่เป็นครั้งแรกที่เราเห็นจรวดซึ่งไม่ได้มาตกบนแผ่นดินของพวกเรา แต่ข้ามไปตกที่ดินแดนของปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครองอยู่” อบู อับดอลลาห์ วัย 32 ปี หนึ่งในชาวกาซาให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี โดยหมายถึงดินแดนส่วนที่เป็นอิสราเอลในปัจจุบันซึ่งถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี 1948
“เราหวังว่าหากอิหร่านหรือประเทศอื่นๆ เข้าร่วมสงครามครั้งนี้ บางทีทางออกสำหรับกาซาอาจจะง่ายขึ้น อเมริกาอาจจะต้องแก้เรื่องกาซาให้ตกเพื่อจบปัญหาที่ต้นตอ”
พลเมืองกาซาส่วนใหญ่รู้สึกว่าถูกเพื่อนบ้านในตะวันออกกลางทอดทิ้ง นับตั้งแต่อิสราเอลเริ่มเปิดปฏิบัติการโจมตีครั้งใหญ่เพื่อตอบโต้ที่กลุ่มฮามาสบุกโจมตีภาคใต้ของรัฐยิวเมื่อวันที่ 7 ต.ค. และสังหารผู้คนที่นั่นไป 1,200 คน รวมถึงจับคนเป็นตัวประกันอีก 253 คน
การแก้แค้นอย่างหนักหน่วงของอิสราเอลทำให้พลเรือนปาเลสไตน์ในกาซาเสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 33,000 คน
อย่างไรก็ตาม ชาวปาเลสไตน์ยังพอจะได้รับแรงหนุนจากอิหร่านและกลุ่มติดอาวุธตัวแทน ซึ่งเป็นพันธมิตรของกลุ่มฮามาสที่ปกครองกาซา
รัฐบาลซีเรีย รวมถึงกบฏฮูตีในเยเมนออกมาแสดงความคิดเห็นว่าการโจมตีอิสราเอลของอิหร่านนั้น “มีความชอบธรรม” (legitimate) ขณะที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนก็ชี้ว่าการกระทำของอิหร่านเมื่อช่วงสุดสัปดาห์เต็มไปด้วย “ความกล้าหาญ”
คลิปเหตุการณ์จากภายในกาซาเผยให้เห็นว่า ชาวบ้านจำนวนมาก รวมถึงผู้ที่อาศัยอยู่ตามค่ายผู้อพยพต่างป่าวร้อง ‘อัลลอฮุ อักบัร’ สรรเสริญความยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้าด้วยความยินดีปรีดา ในขณะที่ท้องฟ้านั้นส่องสว่างไปด้วยแสงจากจรวดของอิหร่านซึ่งถูกสกัดกั้นด้วยระบบป้องกันขีปนาวุธของอิสราเอล
“ใครก็ตามที่ตัดสินใจโจมตีอิสราเอล และกล้าที่จะโจมตีอิสราเอลในขณะที่ทั่วโลกต่างทำงานรับใช้ยิว พวกเขาก็คือวีรบุรุษในสายตาคนปาเลสไตน์ ไม่ว่าเราจะมีค่านิยมตรงกันหรือไม่ก็ตาม” มาญีด อบูฮัมซา ชายชาวกาซาซิตีวัย 52 ปี ซึ่งเป็นคุณพ่อลูก 7 ให้สัมภาษณ์
“พวกเราถูกเข่นฆ่ามานานกว่า 6 เดือนโดยไม่มีใครกล้าทำอะไรเลย ตอนนี้อิหร่านถูกอิสราเอลโจมตีสถานกงสุล และตัดสินใจแก้แค้นกลับ มันทำให้พวกเรารู้สึกยินดีมาก”
อิหร่านได้ส่งทั้งขีปนาวุธและโดรนรวมกว่า 300 ลูกพุ่งตรงไปยิงอิสราเอลเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา (13) โดยเป็นการตอบโต้ที่สถานกงสุลอิหร่านประจำกรุงดามัสกัสของซีเรียถูกทิ้งระเบิดจนเสียหายยับเมื่อวันที่ 1 เม.ย. ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวยังทำให้เตหะรานสูญเสียนายพลระดับสูงของกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน (IRGC) ไปหลายนาย
กลุ่มฮามาสในกาซาซึ่งทำสงครามกับอิสราเอลมาตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.ปีที่แล้ว ออกมาปกป้องการกระทำของอิหร่านเช่นกัน โดยแถลงว่าสิ่งที่เตหะรานทำนั้น “เป็นสิทธิโดยธรรมชาติ และเป็นมาตรการตอบโต้ที่สมควรแล้ว” เนื่องจากเป็นฝ่ายถูกโจมตีสถานกงสุลก่อน
Palestinian Popular Resistance Committee (PRC) ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธที่ต่อต้านอิสราเอลร่วมกับฮามาสในกาซา ชี้ว่าการที่อิหร่านกระโจนเข้าร่วมความขัดแย้งน่าจะเป็นผลดีต่อปาเลสไตน์ และอาจเป็นตะปูดอกสุดท้ายที่จะช่วย “ตอกฝาโลง” อิสราเอล
กลุ่มอิสลามิกญิฮาด (Islamic Jihad) ซึ่งได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนและการทหารจากอิหร่านเช่นเดียวกับฮามาส ออกมายกย่องการโจมตีของอิหร่านเช่นกัน พร้อมประณามพวกชาติตะวันตกที่คอยทำตัวเป็น “โล่” ปกป้องอิสราเอลอยู่ตลอดเวลา
กระนั้นก็ตาม ใช่ว่าชาวปาเลสไตน์ทุกคนจะพอใจกับเหตุการณ์นี้ และมีบางคนที่มองว่าอิหร่านเพียงแต่ต้องการ “รักษาหน้า” ของตัวเองเท่านั้น
“ละครโรงใหญ่เพื่อรักษาหน้าของตัวเองได้จบลงแล้ว มีเพียงชาวปาเลสไตน์เท่านั้นที่ต้องจ่ายราคาด้วยเลือดเนื้อของพวกเรา” มูนีร์ อัล-กากูบ ซึ่งอาศัยอยู่ในเขตเวสต์แบงก์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก
ชาวเน็ตบางคนยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ปฏิบัติการโจมตีครั้งนี้ถูก “นัดแนะ” กับสหรัฐฯ มาเป็นที่เรียบร้อยแล้วเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับอิสราเอล โดยชี้ถึงระยะเวลากว่าที่โดรนอิหร่านจะเดินทางเข้าไปใกล้อิสราเอล ซึ่งทำให้กองทัพยิวมีเวลาเหลือเฟือที่จะตั้งรับและยิงทำลาย
ที่มา : รอยเตอร์