ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ สัญญามอบแรงสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งแก่อิสราเอล หลังถูกอิหร่านยิงโดรนและขีปนาวุธหลายร้อยถล่มในวันเสาร์ (13 เม.ย.) ส่วนเตหะรานออกมาตอบกลับให้อเมริกาอยู่ห่างจากความขัดแย้ง โหมกระพือวิกฤตสถานการณ์ลุกลามบานปลายในตะวันออกกลาง ที่กระตุ้นให้ทั่วโลกร้องขอความอดทนอดกลั้น หลีกเลี่ยงหายนะระดับภูมิภาค
ไบเดน ลดช่วงเวลาวันหยุดสัปดาห์ที่มีกำหนดเดินทางไปชายฝั่งเดลาแวร์ จัดการประชุมฉุกเฉินที่ทำเนียบขาวกับบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงแห่งชาติ หลังจากอิหร่านเปิดฉากการโจมตีอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน "ผมเพิ่งพบกับคณะทำงานด้านความมั่นคงของผม เพื่ออัปเดตสถานการณ์การโจมตีอิสราเอลของอิหร่าน คำมั่นสัญญาของเราที่มีต่อความมั่นคงของอิสราเอล ต่อการรับมือกับภัยคุกคามจากอิหร่านและกลุ่มตัวแทนของเตหะรานนั้นแข็งแกร่ง" ไบเดนเขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์
ไบเดน โพสต์ภาพถ่ายการประชุมในห้องยุทธการ (Situation Room) ของทำเนียบขาว ซึ่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่เข้าร่วมมี ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหม แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศ และบิล เบิร์นส์ ผู้อำนวยการซีไอเอ
ขณะเดียวกัน เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์เช่นกัน โดยระบุว่า "ในช่วงไม่กี่ปีและโดยเฉพาะไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา อิสราเอลได้เตรียมพร้อมรับมือการโจมตีโดยตรงจากอิหร่าน ระบบป้องกันตนเองของเขาถูกส่งเข้าประจำการ เราเตรียมพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ ทั้งป้องกันตนเองและเป็นฝ่ายบุก รัฐอิสราเอลมีความเข้มแข็ง กองกำลังป้องกันตนเองของอิสราเอลนั้นเข้มแข็ง และประชาชนชาวอิสราเอลนั้นเข้มแข็ง"
เนทันยาฮู กล่าวต่อว่า "เราขอบคุณสหรัฐฯ สำหรับการยืนหยัดเคียงข้างอิสราเอล เช่นเดียวกับแรงสนับสนุนจากสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และประเทศอื่นๆ อีกหลายชาติ เราสรุปหลักการอย่างชัดเจน ใครก็ตามที่ทำร้ายเรา เราจะทำร้ายพวกเขา เราะปกป้องตัวเราเองจากภัยคุกคามใดๆ และทำมันด้วยความหนักหน่วงและด้วยความมุ่งมั่น"
ก่อนหน้านี้ เตหะรานประกาศแก้แค้นเหตุโจมตีสถานทูตอิหร่านประจำกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย เมื่อวันที่ 1 เมษายน ที่พวกเขากล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของอิสราเอล ส่งผลให้สมาชิกกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน เสียชีวิต 7 ราย ในนั้นรวมถึงระดับนายพล 2 นาย
สื่อมวลชนแห่งรัฐอิหร่าน รายงานว่าปฏิบัติการแก้แค้นด้วยโดรนของขีปนาวุธของอิหร่านในช่วงเช้าวันอาทิตย์ (14 เม.ย.) ก่อความเสียหายอย่างหนักแก่ฐานทัพอากาศแห่งหนึ่งของอิสราเอล ในทะเลทรายเนเกฟ
ส่วนกองทัพอิสราเอลให้ข้อมูลว่าอิหร่านยิงโดรนและขีปนาวุธรวมกันแล้วกว่า 200 (ลำ/ลูก) เข้าใส่อิสราเอลนับตั้งแต่วันเสาร์ (13 เม.ย.) เป็นต้นมา พร้อมบอกว่าภัยคุกคามที่พุ่งเข้ามา จำนวนมากถูกสกัดไม่ให้หลุดรอดเข้าสู่ชายแดนของอิสราเอล แต่ยอมรับว่าอิหร่านยังคงระดมโจมตีไม่หยุด
พล.ร.ต.แดเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพอิสราเอล ระบุในวันอาทิตย์ (14 เม.ย.) ว่าการโจมตีของอิหร่านก่อความเสียหายเล็กน้อยแก่ฐานทัพแห่งหนึ่งของอิสราเอล ตอบโต้รายงานข่าวของสื่อมวลชนอิหร่านที่อ้างว่าฐานทัพดังกล่าวได้รับความเสียหายอย่างหนักจากขีปนาวุธของพวกเขา
"มีขีปนาวุธไม่กี่ลูกที่ตกลงในดินแดนของอิสราเอล มีความเสียหายเพียงเล็กน้อยที่ฐานทัพทหารแห่งหนึ่งในทางภาคใต้ มีเพียงความเสียหายเล็กน้อยเกิดขึ้นกับโครงการพื้นฐานดังกล่าว" โฆษกกองทัพอิสราเอลระบุ
ตามหลังการโจมตี อิหร่านออกปากเตือนในวันอาทิตย์ (14 เม.ย.) ให้สหรัฐฯ "อยู่ห่างจาก" ความขัดแย้งระหว่างพวกเขากับอิสราเอล หลังเตหะรานเปิดฉากโจมตีด้วยโดรนและขีปนาวุธใส่อิสราเอล แก้แค้นเหตุโจมตีสถานกงสุลในกรุงดามัสกัส
"ปฏิบัติการทางทหารเป็นการตอบโต้ความก้าวร้าวของรัฐบาลไซออนิสต์ ที่มีต่อสถานทำการทางการทูตของเราในดามัสกัส" คณะผู้แทนอิหร่านประจำสหประชาชาติกล่าวบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ "หากรัฐบาลอิสราเอลทำผิดพลาดอีกครั้ง การตอบโต้ของอิหร่านจะหนักหน่วงมากกว่านี้ ความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและรัฐบาลอันธพาลอิสราเอล สหรัฐฯ ควรอยู่ห่างเอาไว้"
อิหร่านแสดงความหวังว่าปฏิบัติการลงโทษเหตุโจมตีสถานทูตของพวกเขาจะไม่โหมกระพือสถานการณ์ลุกลามบานปลายเพิ่มเติม และถือว่าเรื่องนี้สามารถยุติลงได้ อย่างไรก็ตาม ความหวังใดๆ ของอิหร่านที่หวังว่าอิสราเอลจะนิ่งเฉยและป้องกันตนเองเพียงอย่างเดียวนั้นถูกทำลายอย่างรวดเร็ว เมื่อเจ้าหน้าที่รายหนึ่งของเพนตากอน ยืนยันว่ากองกำลังสหรัฐฯ สอยร่วงโดรนลำหนึ่งที่มุ่งหน้าสู่อิสราเอล และทางสหราชอาณาจักรบอกว่าพวกเขาพร้อมดำเนินการด้วยเช่นกัน
อาเดียน วัตสัน โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหัฐฯ ระบุในถ้อยแถลงว่าอเมริกา จะยืนหยัดเคียงข้างประชาชนชาวอิสราเอลและสนับสนุนการป้องกันตนเองของอิสราเอลต่อภัยคุกคามทั้งหลายที่มาจากอิหร่าน
สถานการณ์ที่ส่อแววลุกลามบานปลาย กระตุ้นให้ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติประณามอิหร่านที่ใช้โดรนและขีปนาวุธโจมตีอิสราเอลในวันเสาร์ (13 เม.ย.) และเรียกร้องทุกฝ่ายแสดงความอดทนอดกลั้นให้หลีกเลี่ยงสถานการณ์ลุกลามไปทั่วภูมิภาคที่อาจนำพามาซึ่งหายนะ
"ผมขอประณามอย่างหนักหน่วงต่อสถานการณ์ลุกลามบายปลายร้ายแรงจากการโจมตีขนาดใหญ่ใส่อิสราเอลโดยสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน" เขากล่าวในถ้อยแถลง "ผมกังวลอย่างยิ่งต่ออันตรายร้ายแรงของสถานการณ์ลุกลามบานปลายไปทั่วภูมิภาค ผมของเรียกร้องทุกฝ่ายอดทนอดกลั้นขั้นสูงสุด หลีกเลี่ยงการกระทำใดที่อาจนำมาซึ่งการเผชิญหน้าทางทหารครั้งใหญ่ในหลายแนวหน้าในตะวันออกกลาง"
(ที่มา : เอเอฟพี/รอยเตอร์)