นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล ประกาศกร้าวในวันจันทร์ (8 เม.ย.) ว่าอิสราเอลได้กำหนดวันเวลาสำหรับการบุกโจมตีเมืองราฟาห์ (Rafah) ทางตอนใต้ของฉนวนกาซาเอาไว้เรียบร้อยแล้ว นับเป็นการส่งสัญญาณไม่หวั่นไหวต่อแรงกดดันจากนานาชาติที่คัดค้านแผนดังกล่าว ขณะที่ความพยายามยุติสงครามกาซายังคงไร้วี่แววผ่าทางตันหลังข้อเสนอหยุดยิงล่าสุดของอิสราเอลยังคงถูกฝ่ายฮามาสปฏิเสธไม่เอาด้วย
คำแถลงของผู้นำยิวมีขึ้น หลังจากที่ชาวอิสราเอลนับแสนคนออกมาชุมนุมเรียกร้องทั้งในกรุงเทลอาวีฟ และเมืองอื่นๆ ให้ เนทันยาฮู ลาออกและจัดการเลือกตั้งใหม่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (6) ซึ่งถือเป็นการแสดงความไม่พอใจต่อรัฐบาล เนทันยาฮู ครั้งใหญ่ที่สุดของคนอิสราเอล นับตั้งแต่สงครามกาซาปะทุขึ้นเมื่อกว่า 6 เดือนก่อน
แกนนำผู้ประท้วงระบุว่า มีประชาชนราว 100,000 คนไปรวมตัวกันที่สี่แยกแห่งหนึ่งของกรุงเทลอาวีฟซึ่งถูกตั้งชื่อว่า "จัตุรัสประชาธิปไตย" ตามหลังเหตุประท้วงใหญ่ต่อต้านการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมเมื่อปีที่ผ่านมา ผู้ชุมนุมบางส่วนได้ร้องตะโกนว่า “เลือกตั้งเดี๋ยวนี้” และเรียกร้องให้ เนทันยาฮู สละเก้าอี้นายกฯ เพื่อรับผิดชอบกับสงครามที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมชุมนุมถูกจัดขึ้นในเมืองอื่นๆ ด้วย
กลุ่มมือปืนฮามาสได้บุกจู่โจมภาคใต้อิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ปีที่แล้ว และสังหารผู้คนที่นั่นไปราว 1,200 คน รวมถึงจับคนอิสราเอลและต่างชาติไปเป็นตัวประกันอีกราว 250 คน ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังมีตัวประกันอีก 129 คนที่ยังไม่ได้รับอิสรภาพ และกองทัพอิสราเอลเชื่อว่ามีอย่างน้อย 34 รายที่น่าจะเสียชีวิตแล้ว
รัฐบาลยิวได้สั่งการให้กองทัพระดมโจมตีทางอากาศและใช้ปฏิบัติการทางทหารภาคพื้นดินในฉนวนกาซามานานกว่า 6 เดือน ซึ่งจนถึงขณะนี้ได้คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 33,137 คน
เนทันยาฮู กล่าวว่า รัฐบาลอิสราเอลได้มีการกำหนดวันเวลาที่แน่นอนแล้วในการบุกราฟาห์ แหล่งพักพิงที่สุดท้ายของผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์นับล้านที่อพยพหนีภัยสงครามมาจากส่วนอื่นๆ ของกาซา แต่ยังไม่ขอเผยรายละเอียดออกมาในระหว่างที่การเจรจาข้อตกลงหยุดยิงรอบใหม่กำลังเกิดขึ้นที่กรุงไคโรของอียิปต์
“วันนี้ผมได้รับทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการเจรจาที่ไคโร เรายังคงมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายที่เราวางเอาไว้ ซึ่งประการสำคัญที่สุดก็คือการช่วยเหลือตัวประกันทั้งหมดออกมา และมีชัยชนะอย่างเด็ดขาดเหนือพวกฮามาส” ผู้นำยิวกล่าว
“ชัยชนะครั้งนี้จำเป็นที่จะต้องมีการบุกเข้าไปยังราฟาห์เพื่อทำลายกองกำลังของกลุ่มก่อการร้ายซึ่งแฝงตัวอยู่ที่นั่น มันจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เราได้กำหนดวันเอาไว้เรียบร้อยแล้ว”
รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้ย้ำเตือนอิสราเอลหลายครั้งให้จัดทำแผนปกป้องพลเรือนในราฟาห์ ซึ่งมีชาวปาเลสไตน์ราว 1.5 ล้านคนใช้เป็นสถานที่หลบภัยจากสงครามที่ยืดเยื้อมานานถึง 6 เดือน
“เราได้แจ้งให้อิสราเอลทราบชัดเจนแล้วว่า สหรัฐฯ มองว่าการใช้ปฏิบัติการทางทหารเต็มรูปแบบในราฟาห์จะก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อพลเรือนที่นั่น และสุดท้ายจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของอิสราเอลเอง” แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับคำแถลงของนายกฯ ยิว
เขาย้ำว่า “มันไม่ใช่แค่เรื่องที่ว่าอิสราเอลจะต้องนำเสนอแผนการต่อเรา แต่เรายังเตือนพวกเขาอย่างชัดเจนว่าน่าจะมีหนทางอื่นที่ดีกว่าที่จะสามารถบรรลุเป้าหมายในการลดทอนกำลัง โค่นล้ม และเอาชนะกองกำลังฮามาสที่ยังหลงเหลืออยู่ในราฟาห์ได้อย่างชอบธรรม”
ประธานาธิบดี ไบเดน เองก็ออกมาส่งสัญญาณเตือนแรงๆ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า การสนับสนุนที่สหรัฐฯ มอบให้อิสราเอลนั้น “ต้องขึ้นอยู่กับ” ความพยายามของรัฐยิวในการแก้ไขวิกฤตมนุษยธรรมในกาซาด้วย หลังเกิดเหตุยิงถล่มรถอาสาสมัครบรรเทาทุกข์จากองค์กร World Central Kitchen จนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 7 คน ซึ่งกองทัพอิสราเอลอ้างว่าเป็นปฏิบัติการที่ “ผิดพลาด”
มิลเลอร์ ได้เอ่ยชมมาตรการบางอย่างของอิสราเอล เช่น การเปิดทางให้รถบรรทุกขนความช่วยเหลือผ่านเข้าไปในกาซาได้มากขึ้น และการจัดตั้งหน่วยงานกองทัพเพื่อคอยประสานงานและหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับพวกเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์
“แม้เราจะรู้สึกพอใจกับมาตรการขั้นต้นเหล่านี้ แต่ก็ต้องบอกว่ายังมีอีกหลายอย่างที่จำเป็นต้องทำ ชาวปาเลสไตน์จำนวนมากในกาซากำลังเสี่ยงต่อความอดอยาก (famine) และทุกๆ คนไม่ว่าจะเป็นชาย หญิง หรือเด็กๆ ต่างกำลังเผชิญความไม่มั่นคงทางอาหาร เราคาดหวังว่าอิสราเอลจะทำในสิ่งที่รับปากไว้อย่างเต็มที่ และเราก็จะเฝ้าติดตามการดำเนินการเหล่านั้นด้วย ” มิลเลอร์ กล่าว
ขณะเดียวกัน ความพยายามระงับสงครามนองเลือดในกาซาก็ดูจะยังไร้วี่แววผ่าทางตัน โดยกลุ่มฮามาสประกาศเมื่อวันอังคาร (9) ว่าข้อเสนอหยุดยิงที่อิสราเอลเสนอผ่านเวทีเจรจาที่กรุงไคโรในอียิปต์ยังไม่ตอบสนองข้อเรียกร้องใดๆ เลยของกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ แต่ก็รับปากว่าจะ “ศึกษาเพิ่มเติม” ก่อนจะให้คำตอบผ่านคณะผู้แทนเจรจาของกาตาร์และอียิปต์
ฮามาสเรียกร้องข้อตกลงหยุดยิงที่ฝ่ายอิสราเอลจะต้องยอมยุติปฏิบัติการทางทหาร ถอนกองกำลังทั้งหมดออกไปจากฉนวนกาซา และเปิดทางให้พลเรือนปาเลสไตน์ที่พลัดถิ่นฐานมาตลอด 6 เดือนสามารถกลับไปยังบ้านเรือนของตนเองได้ ขณะที่ฝ่ายอิสราเอลยืนกรานว่าฮามาสจะต้องปลดปล่อยตัวประกันที่เหลือทั้งหมด พร้อมทั้งยืนยันเป้าหมายที่จะทำให้ฮามาสพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์
อิสราเอลระบุด้วยว่า พวกเขาพร้อมพิจารณาข้อตกลงแลกเปลี่ยนนักโทษซึ่งหมายถึงการยอมปล่อยชาวปาเลสไตน์ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำอิสราเอลเพื่อแลกกับตัวประกันในกาซา ทว่าไม่พร้อมที่จะยุติปฏิบัติการทางทหารในตอนนี้
ความสูญเสียและวิกฤตมนุษยธรรมที่เกิดขึ้นในกาซาทำให้อิสราเอลถูกวิพากษ์วิจารณ์และถูกโดดเดี่ยวในทางการทูตมากขึ้นเรื่อยๆ โดยรัฐบาลแคนาดาได้หยุดออกใบอนุญาตส่งออกอาวุธให้อิสราเอลมาตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. และยืนยันจะใช้มาตรการนี้ต่อไปจนกว่าอิสราเอลจะพิสูจน์ยืนยันได้ว่าอาวุธเหล่านั้นถูกนำไปใช้อย่างสอดคล้องตามหลักกฎหมายของแคนาดา ขณะที่ แนนซี เพโลซี อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ และพันธมิตรคนสำคัญของไบเดน ก็ได้ร่วมกับ ส.ส.เดโมแครตหลายสิบคนเข้าชื่อในจดหมายเรียกร้องให้ประธานาธิบดีและรัฐมนตรีต่างประเทศ แอนโทนี บลิงเคน หยุดส่งอาวุธป้อนให้อิสราเอล