สหรัฐฯ คาดหมายว่าอิหร่านจะโจมตีอิสราเอลตามคำขู่ แต่มันจะไม่ใหญ่โตพอที่จะลากวอชิงตันเข้าสู่สงคราม จากความเห็นของเจ้าหน้าที่อเมริการายหนึ่งในวันพฤหัสบดี (11 เม.ย.) ในขณะเดียวกันทางรัฐมนตรีต่างประเทศ แอนโทนี บลิงเคน เรียกร้องไปยังจีนและประเทศอื่นๆ ให้ใช้อิทธิพลห้ามปรามเตหะรานจากการโจมตีอิสราเอล
ทำเนียบขาวบอกก่อนหน้านี้ว่า วอชิงตันไม่ต้องการเห็นความขัดแย้งลุกลามบานปลายในตะวันออกกลาง และสหรัฐฯ ได้บอกกับอิหร่านไปแล้วว่า อเมริกาไม่เกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีทางอากาศถล่มสถานกงสุลเตหะรานประจำกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย ซึ่งปลิดชีพผู้บัญชาการทหารระดับสูงรายหนึ่งของอิหร่าน
นอกจากนี้ ทำเนียบขาวยังได้เตือนอิหร่าน ว่าอย่าใช้การโจมตีดังกล่าวเป็นข้ออ้างสำหรับโหมกระพือให้สถานการณ์ลุกลามบานปลายเพิ่มเติมในภูมิภาค
เครื่องบินรบต้องสงสัยว่าเป็นของอิสราเอล ทิ้งบอมบ์ใส่ขอบล้อมรั้วของสถานทูตอิหร่าน ในกรุงดามัสกัส เมื่อวันจันทร์ (8 เม.ย.) ในเหตุโจมตีที่สังหารนายพลระดับสูงรายหนึ่งและเจ้าหน้าที่ทหารอิหร่านคนอื่นๆ อีก 6 นาย กระตุ้นให้อิหร่านประกาศแก้แค้น และโหมกระพือสถานการณ์ความร้อนระอุในภูมิภาคที่ตึงเครียดอยู่ก่อนแล้วจากสงครามกาซา
แหล่งข่าวอิหร่านบอกกับรอยเตอร์ ว่าเตหะรานส่งสัญญาณถึงวอชิงตันว่าพวกเขาจะตอบโต้การโจมตีของอิสราเอล เล่นงานสถานทูตของพวกเขาในซีเรีย ในแนวทางหนึ่งที่มีเป้าหมายหลีกเลี่ยงไม่ให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย และจะไม่เร่งรีบลงมือ ในระหว่างที่เตหะรานเดินหน้าผลักดันข้อเรียกร้องต่างๆ ในนั้นรวมถึงข้อตกลงหยุดยิงในกาซา
สหรัฐฯ อยู่ในภาวะระแวดระวังขึ้นสูงเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการโจมตีแก้แค้นจากอิหร่าน และบรรดาเหล่านักการทูตอเมริกากำลังหาทางลดความตึงเครียด ในขณะที่พวกเขาคาดหมายว่าอิหร่านจะโจมตีตามคำขู่ แต่เชื่อว่ามันจะไม่หนักหน่วงรุนแรงถึงขั้นที่จะลากวอชิงตันเข้าร่วมวงสงครามด้วย
ความขัดแย้งแผ่ลามทั่วตะวันออกกลางนับตั้งแต่สงครามกาซาปะทุขึ้น ในขณะที่กลุ่มต่างๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ประกาศหนุนหลังพวกนักรบปาเลสไตน์ "ฮามาส" ด้วยการโจมตีใส่อิสราเอลและพันธมิตร มาจากเลบานอน เยเมนและอิรัก ที่ผ่านมา เตหะรานหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าโดยตรงกับอิสราเอลหรือสหรัฐฯ แม้สนับสนุนพันธมิตรทั้งหลายเหล่านี้
ในขณะเดียวกัน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยในวันพฤหัสบดี (11 เม.ย.) ว่า แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา ได้ร้องขอไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของจีนและชาติอื่นๆ ให้ใช้อิทธิพลของพวกเขาห้ามปรามอิหร่านจากการโจมตีอิสราเอล
แมตธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า บลิงเคน พูดคุยทางโทรศัพท์กับบรรดารัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ตุรกี ซาอุดีอาระเบีย และหลายชาติยุโรป แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าสถานการณ์ที่ลุกลามบานปลายจะไม่เป็นประโยชน์กับใครเลย และประเทศต่างๆ ควรเรียกร้องให้อิหร่านโหมกระพือสถานการณ์ไม่ให้ลุกลาม
นอกจากนี้ บลิงเคนยังได้พุดคุยทางโทรศัพท์กับโยอาฟ กัลแลนท์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล "เพื่อเน้นย้ำถึงแรงสนับสนุนที่แข็งขันของเราที่มีต่ออิสราเอลต่อภัยคุกคามต่างๆ เหล่านี้"
อิสราเอลไม่ได้อ้างความรับผิดชอบต่อเหตุโจมตี แต่อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดแห่งอิหร่าน ประกาศกร้าวในวันพุธ (10 เม.ย.) ว่า "อิสราเอลต้องถูกลงโทษ" เนื่องจากมันเท่ากับเป็นการโจมตีผืนแผ่นดินของอิหร่าน
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ในวันพุธ (10 เม.ย.) ระบุว่าอิหร่านกำลังขู่ทำการโจมตีครั้งใหญ่ในอิสราเอล พร้อมเผยได้บอกกับเนทันยาฮูไปว่า "คำมั่นสัญญาของเราต่อความมั่นคงของอิสราเอล ในการรับมือกับภัยคุกคามต่างๆ จากอิหร่านและพวกตัวแทนของอิหร่านยังคงแข็งแกร่ง"
ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ส่งเสียงร้องขออย่างเปิดเผยไปยังจีน คู่อริระดับสูงที่ไม่กินเส้นกันมาอย่างยาวนาน ให้ดำเนินการมากกว่าที่เป็นอยู่ในการจัดการกับวิกฤตตะวันออกกลาง ในนั้นรวมถึงผ่านการกดดันอิหร่านที่ให้การสนับสนุนฮามาส อย่างไรก็ตาม ปักกิ่งตอบโต้กลับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าว โดยบอกว่าอเมริกาลำเอียงเข้าข้างอิสราเอล
(ที่มา : รอยเตอร์)