ราคาน้ำมันขยับลงเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันในวันอังคาร (9 เม.ย.) ท่ามกลางการเจรจาหยุดยิงในกาซาที่ยังคงเดินหน้าต่อไป ส่วนวอลล์สตรีทปิดผสมผสาน และทองคำทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่อง นักลงทุนจับตาข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯ
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 1.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 85.23 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 96 เซนต์ ปิดที่ 89.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
การเจรจาในกรุงไคโร ซึ่งมี วิลเลียม เบิร์นส์ ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ เข้าร่วมด้วย จนถึงตอนนี้ยังคงล้มเหลวในการฝ่าทางตันใดๆ
ฮามาส บอกว่าข้อเสนอของอิสราเอลเกี่ยวกับการหยุดยิงไม่ตรงตามข้อเรียกร้องใดๆ ของกลุ่มก๊กนักรบปาเลสไตน์ อย่างไรก็ตาม พวกเขาบอกว่าจะศึกษาข้อเสนอเพิ่มเติมและจากนั้นจะให้การตอบกลับผ่านคนกลางการเจรจา
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดผสมผสานในวันอังคาร (9 เม.ย.) แนสแดค และเอสแอนด์พี 500 ขยับขึ้นหนึ่งวันก่อนมีการเผยแพร่ข้อมูลเงินเฟ้ออันสำคัญ ทว่าดาวโจนส์ถูกฉุดจากหุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน ในขณะที่นักลงทุนเตรียมรับมือกับรายงานผลดำเนินงานของบรรดาธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐฯ ซึ่งจะเปิดฉากฤดูกาลรายงานผลประกอบการในวันศุกร์ (12 เม.ย.)
ดาวโจนส์ ลดลง 9.13 จุด (0.02 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 38,883.67 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 7.52 จุด (0.14 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,209.91 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 52.68 จุด (0.32 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,306.64 จุด
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันพุธ (10 เม.ย.) เป็นสิ่งที่นักลงทุนจับตามองมากที่สุด ในขณะที่มันจะให้ร่องรอยเกี่ยวกับกรอบเวลาและขอบเขตในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หลังจากก่อนหน้านี้ข้อมูลทางเศรษฐกิจต่างๆ บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่ง ในนั้นรวมถึงรายงานการจ้างงานเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว
เจพีมอร์แกน เชส เวลส์ ฟาร์โก แอนด์ โค และ ซิตีกรุ๊ป ซึ่งมีกำหนดเผยแพร่รายงานผลประกอบการในวันศุกร์ (12 เม.ย.) ต่างปิดลบถ้วนหน้าในวันอังคาร (9 เม.ย.)
ส่วนราคาทองคำยังคงสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่องในวันอังคาร (9 เม.ย.) นักลงทุนยังเข้าซื้อต่อเนื่องท่ามกลางความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ในขณะเดียวกันเป้าสนใจบางส่วนได้หันไปเพ่งเล็งรายงานการประชุมเฟด (minutes) และข้อมูลเงินเฟ้ออเมริกา โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 11.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 2,362.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์)