รัสเซีย-จีนตกลงหารือวิธีกระชับความร่วมมือด้านความมั่นคงทั่วทั้งยุโรปและเอเชีย เพื่อต่อต้านความพยายามของอเมริกาในการใช้อำนาจครอบงำภูมิภาคเหล่านี้ ตลอดจนถึงการดำเนินนโยบายตามอำเภอใจฝ่ายเดียวและการกีดกันการค้า
เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เปิดเผยเรื่องนี้เมื่อวันอังคาร (9 เม.ย.) ภายหลังหารือกับหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีนที่กรุงปักกิ่ง โดยระบุว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ได้เสนอแนะให้เพิ่มความเข้มแข็งด้านความมั่นคงในยูเรเชีย (ยุโรป-เอเชีย) และเสริมว่า จีนและรัสเซียเห็นพ้องต้องกันที่จะเริ่มการหารือกับประเทศอื่นๆ ซึ่งมีความคิดเห็นเหมือนกันในเรื่องนี้
ลาฟรอฟแจงว่า อาณาบริเวณยูโร-แอตแลนติกมีโครงสร้างด้านความมั่นคงมายาวนานแล้ว ในรูปขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) และองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (โอเอสซีอี) แต่องค์การเหล่านี้ประสบความล้มเหลวไม่สามารถจัดการเจรจาต่างๆ ที่มีความหมาย และทำความตกลงในสิ่งต่างๆ บนพื้นฐานของผลประโยชน์ที่มีความสมดุล
ทางด้านหวังบอกว่า ประเทศทั้งสองควรควรคัดค้าน “ลัทธิวางตัวเป็นเจ้าเหนือใครๆ” ซึ่งเป็นวลีที่ปักกิ่งใช้เพื่อหมายถึงสหรัฐฯ และคัดค้าน “แวดวงขนาดเล็กๆ ใดๆ ก็ตาม” ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเผชิญหน้ากันระหว่างกลุ่มต่างๆ นอกจากนั้นยังสำทับว่า นาโตไม่ควรแผ่ขยายอิทธิพลเข้าใกล้จีนและรัสเซีย
รัฐมนตรีต่างประเทศจีนยังให้สัญญาว่า ปักกิ่งจะสนับสนุนการพัฒนาอย่างมีเสถียรภาพของรัสเซียภายใต้การนำของปูติน และว่า ปักกิ่งและมอสโกจะยังคงเสริมสร้างความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ในเวทีโลก และให้การสนับสนุนกันและกันต่อไป
สื่อของทางการจีนรายงานว่า ลาฟรอฟได้เข้าพบประธานาธิบดีสี จิ้นผิง หลังจากหารือกับหวัง
อเมริกาเวลานี้ระบุว่าจีนคือคู่แข่งรายสำคัญที่สุดของ ส่วนรัสเซียเป็นรัฐชาติที่เป็นภัยคุกคามรายใหญ่ที่สุดของตน ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศว่า ศตวรรษนี้จะถูกตัดสินด้วยการแข่งขันเพื่อการดำรงคงอยู่ระหว่างระบอบประชาธิปไตยกับระบอบเผด็จการ
ในส่วนของ ปูตินและสี มีความเห็นค่อนข้างสอดคล้องต้องกันเกี่ยวกับกิจการโลก โดยมองว่าตะวันตกกำลังเสื่อมโทรม ขณะที่จีนผงาดขึ้นมาท้าทายอำนาจสูงสุดของอเมริกาในทุกๆ ด้านตั้งแต่ควอนตัมคอมพิวติงจนถึงชีววิทยาสังเคราะห์ การสอดแนมสืบความลับ และอำนาจทางทหาร
เมื่อวันจันทร์ (8) ที่ผ่านมา เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯกล่าวระหว่างแถลงสรุปการเดินทางเยือนจีนเป็นเวลา 4 วันของเธอ โดยเผยว่ามีการเจรจาที่ยากลำบากกับเจ้าหน้าที่จีนเกี่ยวกับการร่วมมือของปักกิ่งกับมอสโก พร้อมเตือนว่า บริษัทจีนอาจเผชิญผลลัพธ์ร้ายแรงจากการสนับสนุนรัสเซียในการทำสงครามในยูเครน
เยลเลนยังบอกว่า อเมริกาจะไม่ตัดความเป็นไปได้ในการเรียกเก็บภาษีศุลกากรสูงขึ้นจากผลิตภัณฑ์พลังงานสะอาดที่นำเข้าจากจีน เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ
ในวันอังคาร (9) หวังกล่าวย้ำว่า รัสเซียและจีนควรร่วมกันต่อต้านการดำเนินนโยบายฝ่ายเดียวและการกีดกันการค้า รวมทั้งร่วมกันรักษาเสถียรภาพอุตสาหกรรมและเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศ
ขณะที่ลาฟรอฟเปรียบเทียบให้เห็นว่าทั้งมอสโกและปักกิ่งต่างถูกเล่นงานอย่างไม่เป็นธรรมจากฝ่ายตะวันตก โดยที่ฝ่ายตะวันตกดำเนินมาตรการแซงก์ชั่นอย่างผิดกฎหมายเอากับรัสเซีย และพยายามจำกัดกีดกั้นจีนไม่ให้เข้าถึงเทคโนโลยีต่างๆ
ระหว่างการแถลงข่าวภายหลังหารือกับหวัง ลาฟรอฟกล่าวหาฝ่ายตะวันตกว่ากำลังหาทางขัดขวางปิดกั้น “โอกาสแห่งการพัฒนาทางเศรษฐกิจ, เทคโนโลยี (ของจีน) พูดง่ายๆ ก็คือเพราะต้องการกำจัดคู่แข่ง”
ช่วงไม่กี่ปีมานี้ จีนกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและการทหารกับรัสเซียมากขึ้น ขณะที่อเมริกาและพันธมิตรบังคับใช้มาตรการแซงก์ชันกับทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัสเซียจากกรณีการรุกรานยูเครน
ทั้งนี้ การค้าจีน-รัสเซียมีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 240,100 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 26.3% จากปีก่อนหน้า โดยจีนส่งสินค้าไปรัสเซียเพิ่มขึ้น 46.9% และนำเข้าจากรัสเซียเพิ่มขึ้น 13%
ขณะเดียวกัน รัสเซียก้าวขึ้นเป็นซัปพลายเออร์น้ำมันดิบอันดับ 1 ของจีน โดยจัดส่งน้ำมันให้แดนมังกรเพิ่มขึ้นกว่า 24% ในปีที่ผ่านมา แม้ถูกตะวันตกแซงก์ชันก็ตาม
ในทางกลับกัน การค้าจีน-อเมริกาลดลง 11.6% อยู่ที่ 664,500 ล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว
รัฐมนตรีต่างประเทศของทั้งสองประเทศ เปิดเผยด้วยว่า ในการหารือกันครั้งนี้ ทั้งสองประเทศตกลงกระชับความร่วมมือในการต่อต้านการก่อการร้าย
ทั้งนี้ กลุ่ม “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) อ้างความรับผิดชอบในการโจมตีงานแสดงคอนเสิร์ตที่จัดขึ้นใกล้มอสโกเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 144 คน แต่รัสเซียเชื่อว่า ยูเครนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้
(ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี)