กองทัพอิสราเอลยิงถล่มขบวนรถขององค์กรไม่แสวงผลกำไรซึ่งเข้าไปจัดส่งความช่วยเหลือแก่พลเรือนในฉนวนกาซา เป็นเหตุทำให้เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ปาเลสไตน์และต่างชาติเสียชีวิตรวม 7 คน นับเป็นความสูญเสียอันน่าเศร้าที่เรียกเสียงประณามจากทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่สหรัฐฯ และพันธมิตรที่ประกาศว่า “รับไม่ได้” และเรียกร้องให้ทางการยิวออกมาให้คำตอบที่ชัดเจนในเรื่องนี้
กองทัพอิสราเอลออกมาแสดงความ “โศกเศร้าอย่างจริงใจ” ต่อโศกนาฏกรรมซึ่งทำให้อิสราเอลเผชิญแรงกดดันจากนานาชาติหนักขึ้นในการที่จะต้องบรรเทาวิกฤตมนุษยธรรมในกาซา หลังทำการปิดล้อมและส่งทหารเข้าโจมตีดินแดนปาเลสไตน์แห่งนี้มานานกว่า 6 เดือน
เหตุยิงถล่มขบวนรถของ World Central Kitchen หรือ WCK ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ก่อตั้งโดยเชฟชื่อดัง โฮเซ อันเดรส (Jose Andres) ส่งผลให้เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ซึ่งเป็นพลเมืองสัญชาติสหรัฐฯ-แคนาดา รวมถึงพลเมืองออสเตรเลีย อังกฤษ โปแลนด์ และปาเลสไตน์ เสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 7 คน
WCK ระบุว่า เจ้าหน้าที่กลุ่มนี้เดินทางด้วยรถหุ้มเกราะ 2 คันที่ติดตราสัญลักษณ์ขององค์กร และยานพาหนะอีก 1 คัน โดยได้มีการประสานติดต่อกับกองทัพอิสราเอลไว้เรียบร้อย
นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอลได้ออกมาแสดงความเสียใจผ่านคลิปวิดีโอ โดยกล่าวว่า “น่าเสียดายที่เกิดเหตุการณ์อันน่าสลดขึ้น โดยกองกำลังของเราได้กระทำอันตรายต่อผู้ซึ่งไม่มีส่วนในการสู้รบ (non-combatants) ที่ฉนวนกาซา”
“นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในสงคราม เรากำลังตรวจสอบอย่างละเอียด และได้ประสานไปยังรัฐบาลต่างๆ เราจะทำทุกวิถีทางเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก”
อย่างไรก็ดี ผู้นำยิวไม่ได้เอ่ย “คำขอโทษ” ใดๆ สำหรับความสูญเสียที่เกิดขึ้น
ด้านกองทัพอิสราเอลรับปากว่าจะตั้ง “คณะผู้เชี่ยวชาญอิสระที่มีความเป็นมืออาชีพ” มาสืบสาวหาต้นตอของความผิดพลาดในครั้งนี้
ตามข้อมูลจากองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) มีอาสาสมัครบรรเทาทุกข์ในกาซาเสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 196 คนนับตั้งแต่เดือน ต.ค. ปี 2023 ขณะที่กลุ่มฮามาสก็ชี้หน้ากล่าวโทษอิสราเอลว่าเจาะจงล็อกเป้าโจมตีศูนย์กระจายความช่วยเหลือ
รัฐบาลอังกฤษได้เรียกเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำกรุงลอนดอนเข้าพบและเรียกร้อง “ความรับผิดชอบ” จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่นายกรัฐมนตรี ริชี ซูแน็ก แห่งอังกฤษ ได้ต่อโทรศัพท์ถึง เนทันยาฮู เมื่อวันอังคาร (2) โดยกล่าวว่ารัฐบาลอังกฤษ “ตกตะลึง” กับการโจมตีซึ่งทำให้พลเมืองอังกฤษเสียชีวิตไปถึง 3 คน พร้อมเรียกร้องให้อิสราเอลตั้งคณะผู้ตรวจสอบที่ทำงานอย่างอิสระและโปร่งใส
นายกรัฐมนตรี แอนโทนี อัลบานีส แห่งออสเตรเลีย ก็ได้โทรศัพท์ไปแสดงความ “โกรธแค้นและกังวล” ต่อผู้นำยิวเช่นกัน ขณะที่รัฐบาลโปแลนด์เรียกร้องให้อิสราเอลจ่ายเงินชดเชยเยียวยาให้แก่ครอบครัวของอาสาสมัครบรรเทาทุกข์ที่ถูกสังหาร
สหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ถือหางอิสราเอลมากที่สุดระบุว่า “ไม่พบหลักฐาน” บ่งชี้ว่ากองทัพยิวจงใจล็อกเป้าโจมตีอาสาสมัครของ WCK แต่วอชิงตันก็ “รับไม่ได้” กับความสูญเสียที่เกิดขึ้น และเตือนอิสราเอลว่ามีหน้าที่จะต้องรับรองความปลอดภัยให้แก่อาสาสมัครบรรเทาทุกข์ที่ปฏิบัติงานอยู่ในกาซา
ทำเนียบขาวระบุว่า ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้โทรศัพท์ถึง อันเดรส ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง WCK เพื่อแสดงความเสียใจแล้ว และรับปากว่าสหรัฐฯ จะกดดันอิสราเอลให้คำนึงถึงความปลอดภัยของอาสาสมัครบรรเทาทุกข์มากกว่านี้
“คนเหล่านี้ถือเป็นวีรบุรุษ พวกเขาวิ่งเขาหาไฟ แทนที่จะวิ่งหนีจากมัน” แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เอ่ยถึงผู้เสียชีวิตทั้ง 7 คน ระหว่างให้สัมภาษณ์สื่อที่กรุงปารีส “เราไม่ควรปล่อยให้เกิดสถานการณ์ที่ผู้คนซึ่งพยายามช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์คนอื่นต้องมาตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวงเสียเอง”
สเตฟาน ดูจาร์ริค โฆษกองค์การสหประชาชาติ ออกมาเรียกร้องอีกครั้งให้มีการหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรมในกาซาทันที พร้อมทั้งย้ำเตือนอิสราเอลให้เปิดทางให้เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ได้ทำงานของพวกเขา
อิสราเอลยืนกรานปฏิเสธข้อครหาสกัดกั้นการส่งอาหารและความช่วยเหลือที่จำเป็นยิ่งยวดแก่ชาวกาซา และอ้างว่าปัญหาอยู่ที่องค์กรบรรเทาทุกข์ระหว่างประเทศซึ่งไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มคนที่จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือจริงๆ
WCK ได้ออกคำแถลงไว้อาลัยต่อการจากไปของ “วีรบุรุษทั้ง 7 คน” พร้อมเปิดเผยรายชื่อเพื่อนร่วมงานที่เสียชีวิต ได้แก่ ไซเฟดดิน อิสซัม อายัด อาบูทาฮา ชาวปาเลสไตน์ วัย 25 ปี ลัลซาวมี (โซมี) แฟรงก์คอม ชาวออสเตรเลีย วัย 43 ปี ดาเมียง โซโบล ชาวโปแลนด์ วัย 35 ปี เจค็อบ ฟลิงคิงเกอร์ ชาวอเมริกัน-แคนาดา วัย 33 ปี จอห์น แชปแมน ชาวอังกฤษ วัย 57 ปี เจมส์ (จิม) เฮนเดอร์สัน ชาวอังกฤษ วัย 33 ปี และ เจมส์ เคอร์บี ชาวอังกฤษ วัย 47 ปี
WCK ให้ข้อมูลว่าขบวนรถที่ถูกยิงถล่มกำลังออกเดินทางจากโกดังในเมือง เดอีร์ อัล-บาลาห์ (Deir Al-Balah) หลังจากที่ขนถ่ายอาหารน้ำหนักกว่า 100 ตันซึ่งถูกส่งเข้าไปยังฉนวนกาซาผ่านทางทะเล
“นี่ไม่ใช่การแค่โจมตี WCK เท่านั้น แต่เป็นการโจมตีองค์กรเพื่อมนุษยธรรมทั้งหลายซึ่งพยายามยืนหยัดช่วยเหลือ ในสถานการณ์ที่อาหารกำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือทำสงคราม” เอริน กอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WCK ระบุในถ้อยแถลง
“นี่คือสิ่งที่ไม่สามารถอภัยให้ได้” เขาย้ำ
อันเดรส ซึ่งก่อตั้ง WCK ขึ้นเมื่อปี 2010 จากการส่งพ่อครัวและอาหารเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในเฮติ ยอมรับว่า “หัวใจสลาย” และรู้สึกเสียใจแทนครอบครัวและเพื่อนๆ ของอาสาสมัครทุกคนที่เสียชีวิตจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศครั้งนี้
“รัฐบาลอิสราเอลจำเป็นต้องหยุดการปิดกั้นความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม หยุดเข่นฆ่าพลเรือนและอาสาสมัครบรรเทาทุกข์ และหยุดใช้อาหารเป็นอาวุธเสียที” เขากล่าว
คลิปวิดีโอที่ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ได้รับมาเผยให้เห็นรูขนาดใหญ่บนหลังคาของรถโฟร์วีล และสภาพภายในรถที่ถูกเพลิงไหม้และฉีกขาดยับเยิน รวมถึงภาพของเจ้าหน้าที่แพทย์ซึ่งช่วยกันนำร่างผู้เสียชีวิตเข้าไปในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง และแสดงหนังสือเดินทางของพวกเขา
มัรวาน อัล ฮัมส์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองราฟาห์ ระบุว่า ร่างของอาสาสมัครชาวต่างชาติ 6 คนจะถูกส่งไปยังพรมแดนตอนใต้ของกาซาในวันพุธ (3) เพื่อส่งกลับไปยังประเทศบ้านเกิดของพวกเขาต่อไป
WCK ซึ่งมีฐานอยู่ในสหรัฐฯ ประกาศยุติภารกิจบรรเทาทุกข์ในกาซาชั่วคราว ขณะที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ซึ่งให้ทุนสนับสนุน WCK ในการส่งอาหารเข้าไปยังกาซาผ่านทางทะเลก็ตัดสินใจระงับการจัดส่งเอาไว้ก่อน เพื่อรอการการันตีความปลอดภัยจากรัฐบาลอิสราเอล และให้เวลาแก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการสืบสวนข้อเท็จจริง
ออสเตรเลีย อังกฤษ โปแลนด์ และอีกหลายประเทศซึ่งมีจุดยืนเป็นมิตรกับอิสราเอล ต่างประสานเสียงกดดันให้เทลอาวีฟต้องมีมาตรการปกป้องอาสาสมัครบรรเทาทุกข์ ซึ่งในด้านหนึ่งก็สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาล เนทันยาฮู กำลังถูกโดดเดี่ยวในทางการทูตมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
นานาประเทศเรียกร้องให้อิสราเอลต้องช่วยยุติความหิวโหยในกาซา ซึ่งเวลานี้แทบจะเหลือเพียงซากปรักหักพัง และประชากรส่วนใหญ่จากทั้งหมด 2.3 ล้านคนต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่นฐานจากผลของสงครามซึ่งเริ่มปะทุขึ้นหลังกลุ่มฮามาสบุกโจมตีภาคใต้ของอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. และสังหารผู้คนที่นั่นไปราว 1,200 คน
ปฏิบัติการแก้แค้นของอิสราเอลที่ดำเนินต่อเนื่องมานานกว่า 6 เดือนได้คร่าชีวิตพลเรือนชาวปาเลสไตน์ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 32,000 คน ตามข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขกาซา
การเสียชีวิตของอาสาสมัครทั้ง 7 คนเกิดขึ้นในขณะที่กองทัพอิสราเอลยังคงเดินหน้าถล่มดินแดนกาซา ทำลายโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น จนส่งผลให้ระบบสาธารณสุขล่มสลาย และชีวิตพลเรือนมากกว่าครึ่งหนึ่งกำลังเสี่ยงเผชิญกับความอดอยาก
กระทรวงสาธารณสุขกาซาแถลงในวันพุธ (3) ว่า เพียงชั่วข้ามคืนมีผู้เสียชีวิตจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลไปอีกอย่างน้อย 60 คน
นายกรัฐมนตรี เนทันยาฮู ยืนกรานที่จะเดินหน้าทำสงครามในกาซาต่อไปจนกว่าฮามาสจะถูกกำจัดสิ้นซาก แม้ประชาชนชาวอิสราเอลส่วนหนึ่งจะรวมตัวประท้วงขับไล่และเรียกร้องให้เขาลงจากตำแหน่งก็ตาม
ขณะเดียวกัน สถานการณ์ในตะวันออกกลางก็ส่อเค้าทวีความตึงเครียดขึ้นอีก หลังอิสราเอลทิ้งระเบิดโจมตีสถานทูตอิหร่านในกรุงดามัสกัสของซีเรียเมื่อวันจันทร์ (1) จนทำให้สมาชิกกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน (IRGC) เสียชีวิตไป 7 นาย และมีอยู่ 2 นายที่เป็นถึงนายพลระดับสูง
เตหะรานซึ่งหนุนหลังทั้งฮามาสและกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ ในภูมิภาคที่เป็นปรปักษ์กับอิสราเอล ประกาศจะล้างแค้นรัฐยิวอย่างสาสม