วิกฤตตะวันออกกลางร้อนระอุขึ้นอีกหลายองศา เตหะรานประกาศลั่นในวันอังคาร (2 เม.ย.) เอาคืนสาสม หลังอาคารสถานกงสุล ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับสถานเอกอัครราชทูตของตนในเมืองหลวงซีเรีย ถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธ 6 ลูกเมื่อวันจันทร์ (1) เป็นเหตุให้สมาชิกกองกำลังปฏิวัติอิหร่านเสียชีวิต 7 นาย ซึ่งรวมถึงผู้บัญชาการอาวุโส 3 นาย ขณะที่สื่อดังของอเมริกาอ้างอิงการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่อิสราเอลหลายคนที่ระบุว่า การโจมตีครั้งนี้เป็นฝีมือกองทัพยิว
ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ประกาศลั่นว่าอิสราเอลจะต้องถูกลงโทษ
“ระบอบปกครองลัทธิฟื้นชาติยิวไซออนนิสต์ที่ชั่วร้ายนี้ จะต้องถูกลงโทษโดยน้ำมือของเหล่าบุรุษผู้กล้าของเรา เราจะทำให้พวกมันเสียใจกับอาชญากรรมรายนี้และรายอื่นๆ” คอเมเนอี กล่าวในข้อความซึ่งโพสต์ทางเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของเขาเมื่อวันอังคาร (2)
ก่อนหน้านั้นในวันเดียวกัน ประธานาธิบดีอิบราฮิม ไรซีของอิหร่าน ก็แถลงร้าว ว่า เตหะรานจะไม่ปล่อยผ่านการก่ออาชญากรรมอย่างขี้ขลาดนี้
ข้อความของเขาที่โพสต์บนเว็บไซต์สำนักงานประธานาธิบดี ระบุว่า หลังจากรัฐยิวพ่ายแพ้และล้มเหลวในการทำลายศรัทธาและเจตนารมณ์ของพวกนักรบกลุ่มแนวร่วมฝ่ายต่อต้าน พวกเขาจึงหันมาใช้การลอบสังหารด้วยจุดมุ่งหมายในการปกป้องตัวเอง
ทางด้าน ไฟซาล เมคดัด รัฐมนตรีต่างประเทศซีเรีย ที่เดินทางไปยังสถานที่เกิดเหตุพร้อมกับรัฐมนตรีมหาดไทย ประณาม “การโจมตีอย่างป่าเถื่อน” ครั้งนี้ ซึ่งพุ่งเป้าใส่สถานกงสุลอิหร่าน ที่เป็นอาคารสูง 5 ชั้นและอยู่ในบริเวณเดียวกับสถานเอกอัครราชทูตอิหร่านประจำกรุงดามัสกัส ทำให้หลายคนเสียชีวิต
สำหรับกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่านและพวกเจ้าหน้าที่ของอิหร่านระบุว่า มีที่ปรึกษาทางทหารชาวอิหร่าน 7 นายเสียชีวิตในเหตุการณ์คราวนี้ ซึ่งรวมถึง พลจัตวาโมฮัมหมัด เรซา ซาเฮดี และพลจัตวาโมฮัมหมัด ฮารี ฮะยี ราฮิมี 2 ผู้บัญชาการอาวุโสของกองกำลังคุดส์ ซึ่งเป็นหน่วยงานข่าวกรองและกองกำลังกึ่งทหารของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน ที่ปฏิบัติการในต่างประเทศ
ในส่วนของกลุ่มซีเรียน อ็อบเซอร์วาทอรี ฟอร์ ฮิวแมน ไรต์ ซึ่งตั้งฐานอยู่ในอังกฤษ ระบุว่า เหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิต 11 คน ซึ่งรวมถึงสมาชิกกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน 7 นาย แล้วยังมีนักรบ 4 คนที่ประกอบด้วยชาวอิหร่าน 1 คน, ซีเรีย 2 คน และเลบานอน 1 คน
ก่อนหน้านั้น ฮอสเซน อัคบารี เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำซีเรีย ให้สัมภาษณ์สถานีทีวีอัล อลาม ของทางการอิหร่านว่า มีผู้เสียชีวิต 5-7 คน ซึ่งรวมถึงนักการทูต จากการโจมตีของเครื่องบินขับไล่เอฟ-35 ที่ยิงขีปนาวุธ 6 ลูกใส่สถานกงสุลอิหร่าน และประกาศว่า เตหะรานจะตอบโต้อย่างรุนแรง
สถานีทีวีของทางการอิหร่านยังรายงานว่า เตหะรานเชื่อว่า เป้าหมายการโจมตีครั้งนี้คือ ซาเฮดี วัย 63 ปี ที่เคยเป็นที่ปรึกษาทางทหารในซีเรียและผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ในเลบานอนและซีเรียจนถึงปี 2016
ที่ผ่านมาอิสราเอลพุ่งเป้าโจมตีที่ตั้งทางทหารของอิหร่าน และของพวกกองกำลังซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเตหะราน เช่น กลุ่มติดอาวุธฮิซบอลเลาะห์ ของเลบานอนในซีเรียมาโดยตลอด แต่การโจมตีเมื่อวันจันทร์ถือเป็นครั้งแรกที่อิสราเอลเล่นงานสถานเอกอัครราชทูตอิหร่าน
เวลานี้ กองทัพอิสราเอลยังคงใช้ท่าทีปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ถึงแม้หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ รายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่อิสราเอลที่ไม่เปิดเผยชื่อ 4 คน ซึ่งยอมรับว่า เป็นฝีมืออิสราเอล
ทางด้านคณะผู้แทนของอิหร่านในสหประชาชาติ แถลงว่า การโจมตีครั้งนี้เป็นการละเมิดอย่างโจ่งแจ้งทั้งกฎบัตรยูเอ็น และหลักการพื้นฐานอันละเมิดมิได้ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่จะต้องไม่โจมตีอาณาบริเวณสถานทูตและสถานกงสุล อีกทั้งยังคุกคามสันติภาพและความมั่นคงของตะวันออกกลางอย่างร้ายแรง
คณะผู้แทนของอิหร่านเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็นประณามการโจมตีดังกล่าว และสำทับว่า เตหะรานสงวนสิทธิ์ในการตอบโต้ขั้นเด็ดขาด โดยที่คณะมนตรีมีกำหนดหารือเรื่องนี้ในวันอังคาร ตามการร้องขอของรัสเซีย
ขณะที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งถือเป็นกลุ่มติดอาวุธที่ได้รับการหนุนหลังจากอิหร่าน ซึ่งทรงอิทธิพลที่สุดในตะวันออกกลาง ประกาศตอบโต้อาชญากรรมนี้
เวลาเดียวกัน ประเทศมุสลิมต่างๆ เป็นต้นว่า อิรัก จอร์แดน โอมาน ปากีสถาน กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ต่างประณามการโจมตีสถานกงสุลอิหร่าน เช่นเดียวกันกับรัสเซียและจีน
สำหรับสหรัฐฯ แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศแถลงว่า วอชิงตันยังคงกังวลว่า อาจมีบางสิ่งที่ทำให้ความขัดแย้งในตะวันออกกลางบานปลาย แต่ไม่คิดว่า การโจมตีสถานกงสุลของอิหร่านจะกระทบต่อการเจรจาปล่อยตัวประกันอิสราเอลที่ถูกฮามาสคุมขังอยู่
ในส่วนของ ฮอสเซน อามีร์ อับดอลลาเฮียน รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน เปิดเผยเมื่อวันอังคารว่า ได้เรียกนักการทูตของสวิตเซอร์แลนด์ที่เป็นตัวแทนผลประโยชน์ของอเมริกาในอิหร่าน เข้าพบเพื่อย้ำว่า อเมริกาในฐานะพันธมิตรหลักของอิสราเอล ต้องรับผิดชอบเหตุการณ์โจมตีล่าสุดในซีเรีย
ทว่า จากรายงานของแอกซิออส สื่อออนไลน์ด้านข่าวของอเมริกา ที่อ้างอิงการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ คนหนึ่งนั้น วอชิงตันยืนยันกับเตหะรานว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรับรู้ล่วงหน้าเกี่ยวกับการโจมตีของอิสราเอล
(ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)