โดนัลด์ ทัสก์ นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ ส่งสารเตือนอย่างตรงไปตรงมา ว่ายุโรปเข้าสู่ยุคก่อนสงครามแล้ว ทว่ายังไม่พบเห็นความพร้อมใดๆ และบอกว่าหากยูเครนพ่ายแพ้ให้แก่รัสเซีย คงไม่มีใครในยุโรปที่จะสามารถรู้สึกถึงความปลอดภัย
"ผมไม่ต้องการพูดให้ทุกๆกลัว แต่สงครามไม่ใช่แค่ความคิดจินตนาการหนึ่งๆเหมือนกับในอดีตอีกต่อไปแล้ว" เขาบอกกับสื่อมวลชนยุโรป "มันคือความจริง และมันเริ่มขึ้นแล้วตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อน"
ความเห็นของเขามีขึ้นท่ามกลางห่าขีปนาวุธรอบใหม่ของรัสเซียที่เล็งเป้าเล่นงานยูเครน ในขณะที่รัสเซียยกระดับโจมตียูเครนหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
เมื่อค่ำคืนวันพฤหัสบดี(28มี.ค.) จนถึงเช้าวันศุกร์(29มี.ค.) กองทัพอากาศของยูเครน เปิดเผยว่าได้สอยร่วงโดรน 58 ลำและขีปนาวุธ 26 ลูก ส่วนทางนายกรัฐมนตรีเดนีส ชมีฮาล ระบุว่าโครงสร้างทางพลังงานได้รับความเสียหายใน 6 แคว้น ทั้งทางตะวันตก ภาคกลางและภาคตะวันออกของประเทศ
บริษัทพลังงานแห่งชาติของยูเครนแถลงว่าเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินไฟดับใน 3 แคว้น ประกอบด้วย ดนิโปรเปตรอฟสก์, ซาโปริซเซียและคิโรโวกราด พร้อมแนะนำผู้บริโภคให้จำกัดการใช้ไฟฟ้า ขณะที่ ยูเครเนอร์โก ผู้ให้บริการทางพลังงาน กล่าวโทษเหตุไฟดับในวงกว้างครั้งนี้ว่ามีต้นตอจากการโจมตีครั้งใหญ่ของรัสเซีย เล่นงานโรงไฟฟ้าของยูเครน เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา
ทัสก์ ซึ่งเป็นอดีตประธานสภายุโรป กล่าวต่อว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ได้กล่าวโทษ ยูเครน ไปแล้ว สำหรับเหตุโจมตีของพวกญิฮาดเล่นงานอาคารแสดงคอนเสิร์ตครอคัส ซิตี ฮอลล์ ในกรุงมอสโก ทั้งที่ไม่มีหลักฐานใดๆ และเขา "รู้สึกอย่างชัดเจนว่า มันเป็นความพยายามอ้างความชอบธรรมสำหรับยกระดับโจมตีรุนแรงเล่นงานเป้าหมายทางพลเรือนในยูเครน"
เขาชี้ถึงกรณีที่รัสเซียใช้ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกโจมตีกรุงเคียฟในตอนกลางวันเป็นครั้งแรก ในช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้แล้ว ทัสก์ ยังใช้โอกาสให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนต่างชาติเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่กลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโปแลนด์ในช่วงปลายปีที่แล้ว ส่งสารเรียกร้องไปยังพวกผู้นำยุโรปโดยตรง ให้ดำเนินการมากกว่าที่เป็นอยู่ในการยกระดับป้องกันตนเอง
โดยไม่สนใจว่า โจ ไบเดน หรือ โดนัลด์ ทรัมป์ ใครจะชนะศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในเดือนพฤศจิกายน ทัสก์ ชี้ว่ายุโรปจะกลายมาเป็นคู่หูที่น่าดึงดูดใจของสหรัฐฯ หากว่ายุโรปกลายเป็นกองทัพที่สามารถพึ่งพาตนเองได้
ทัสก์ เน้นย้ำว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าว ไม่ได้หมายความว่า ยุโรป บรรลุเป้าหมายเป็นเอกราชทางทหารจากสหรัฐฯหรือจัดสร้างโครงสร้างคู่ขนานกับนาโต เขาบอกต่อว่าเวลานี้โปแลนด์ใช้จ่ายเงินในทางกลาโหม 4% ของจีดีพี และประเทศยุโรปอื่นๆทุกชาติ ควรใช้จ่ายเงิน 2% ของจีดีพี ในขณะที่สหภาพยุโรปควรมีความคิดเป็นหนึ่งเดียว ในการเตรียมพร้อมสู้รบเพื่อความมั่นคงของอียู
นับตั้งแต่ รัสเซีย เปิดฉากรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบ ความสัมพันธ์ระหว่างมอสโกกับตะวันตกได้แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่สงครามเย็น แม้ประธานาธิบดีปูติน บอกในสัปดาห์นี้ว่า มอสโก ไม่มีความตั้งใจรุกเข้าหาบรรดาประเทศสมาชิกนาโต
ปูตินกล่าวว่า ความคิดที่ว่าประเทศของเขาจะโจมตีโปแลนด์ ประเทศต่างๆแถบบอลติกและสาธารณรัฐเช็ก เป็นเรื่อง "เหลวไหลโดยสิ้นเชิง" พร้อมกับส่งเสียงเตือนอีกครั้งว่าหากยูเครนใช้เครื่องบินรบ F-16 ของตะวันตก จากสนามบินในประเทศอื่นๆ "เหล่านั้นจะเป็นเป้าหมายโดยชอบธรรม ไม่ว่ามันจะอยู่ที่ไหนก็ตาม"
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ทัสก์ ส่งเสียงเตือนเกียวกับยุคก่อนสงคราม เขาเคยส่งสารแบบเดียวกันถึงพวกเขาผู้นำยุโรปเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามเขาเปิดเผยว่า เปโดร ซานเชซ นายกรัฐมนตรีสเปน ร้องขอพวกผู้นำอียูคนอื่นๆ ให้หยุดใช้คำว่า "สงคราม" ในถ้อยแถลงต่างๆของที่ประชุมซัมมิต เพราะไม่อยากให้ประชาชนรู้สึกว่ากำลังถูกข่มขู่ กระนั้น ทัสก์ เผยเขาตอบกลับไปว่า ในความคิดของเขาเกี่ยวกับยุโรปนั้น สงครามไม่ใช่แค่การจินตนาการทางนามธรรมอีกต่อไป
ขณะเดียวกันทาง ทัสก์ ยังได้ร้องขอมอบความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนเป็นการเร่งด่วน เตือนว่าในช่วง 2 ปีข้างหน้าของสงคราม จะเป็นเวลาแห่งการตัดสินทุกสิ่งอย่าง "เรากำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญที่สุด นับตั้งแต่วันสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2"
"สิ่งที่น่ากังวลที่สุดในตอนนี้คือ ความเพิกเฉยต่อกรณีความเป็นไปได้ใดๆ" เขากล่าว พร้อมย้อนความทรงจำภาพถ่ายบนผนังบ้านเกิดในโปแลนด์ ซึ่งเป็นภาพที่ผู้คนกำลังสนุกสนานอยู่บนชายหาดโซพอต ตามแนวชายฝั่งทางใต้ของทะเลบอลติก ในวันที่ 31 สิงหาคม 1939 แต่จากนั้นอีกราวๆ 10 ชั่วโมงต่อมา สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้เริ่มต้นขึ้น ห่างออกไปแค่ 5 กิโลเมตร
"ผมรู้ว่ามันฟังแล้วดูแย่มาก โดยเฉพาะกับคนวัยหนุ่มสาว แต่เราจำเป็นต้องมีจิตใจให้เคยชินกับการมาถึงของยุคใหม่ๆหนึ่งๆ นั่นคือยุคก่อนสงคราม" เขาเตือน
(ที่มา:บีบีซี)