xs
xsm
sm
md
lg

จนท.สอบสวนสหรัฐฯนำเอา ‘กล่องดำ’ ออกจากเรือที่พุ่งชนทำให้สะพานบัลติมอร์ถล่ม ขณะหน่วยกู้ภัยพยายามงมหาศพผู้เสียชีวิต 6 คน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เรือ “แฟรงก์ ดริว” (ลำขวา) เรือของหน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ ออกตรวจการณ์ใกล้ๆ ซากของสะพานฟรานซิส สก็อตต์ คีย์ บริดจ์ ที่หล่นลงสู่แม่น้ำ ภายหลังถูกเรือสินค้าคอนเทนเนอร์ “ต้าหลี่” (ลำซ้าย) ชนเข้าอย่างจัง ณ เมืองบัลติมอร์ รัฐแมริแลนด์, สหรัฐฯ ในภาพนี้ซึ่งถ่ายเมื่อวันพุธ (27 มี.ค)
เจ้าหน้าที่สอบสวนด้านความปลอดภัยการคมนาคมขนส่งของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ นำเอา “กล่องดำ” ออกมาจากเรือสินค้าที่พุ่งเข้าชนสะพานในเมืองบัลติมอร์แล้วในวันพุธ (27 มี.ค.) ขณะเจ้าหน้าที่กู้ภัยค้นหาศพของคนงานก่อสร้าง 6 คนซึ่งสูญหายไปตอนที่สะพานแห่งนี้พังถล่มลงสู่แม่น้ำเบื้องล่าง

ทีมสอบสวนยังจะศึกษาพิจารณาซากของสะพานฟรานซิน สก็อตต์ คีย์ บริดจ์ แห่งนี้ เพื่อวินิจฉัยรายละเอียดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องขณะเรือสินค้าคอนเทนเนอร์ลำนี้พุ่งเข้าชนเสาต้นหนึ่งของสะพานแห่งนี้ แล้วทำให้สะพานความยาว 2.6 กิโลเมตรแห่งนี้ พังครืนหล่นลงสู่แม่น้ำปาแทปสโก ซึ่งอยู่เบื้องหลังท่ามกลางความมืดมิดตอนประมาณตีหนึ่งครึ่งของวันอังคาร(26)

พวกเจ้าหน้าที่สอบสวนจากคณะกรรมการความปลอดภัยการขนส่งแห่งชาติสหรัฐฯ (NTSB) ได้นำเอาอุปกรณ์บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับการเดินเรือออกมาแล้ว ภายหลังลงไปที่เรือลำนี้เมื่อคืนวันอังคาร เจนนิเฟอร์ โฮเมนดี ประธานของ NTSB แถลง พร้อมกล่าวด้วยว่าทางเจ้าหน้าที่สอบสวนจะดำเนินการสอบปากคำพวกลูกเรือและผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ ต่อไป

สำหรับภารกิจค้นหาผู้รอดชีวิต ได้ถูกระงับไปตอนค่ำวันอังคาร หรือหลังจากสะพานแห่งนี้ถล่ม 18 ชั่วโมง โดยหน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ และตำรวจรัฐแมริแลนด์ระบุว่า ทัศนวิสัยเลวร้ายและกระแสน้ำที่ไม่อาจคาดเดาได้ทำให้การดำน้ำค้นหาต่อเนื่องตลอดทั้งคืนอันตรายเกินไป และคาดว่าจะส่งนักประดาน้ำลงค้นหาในแม่น้ำปาแทปสโกอีกครั้งตั้งแต่ 6.00 น. วันพุธ (27)
พลเรือตรีแชนนอน กิลเรธ จากหน่วยยามฝั่ง แถลงว่า ไม่คิดว่า จะพบผู้รอดชีวิต และจะปรับภารกิจเป็นการค้นหาร่างผู้เสียชีวิตและสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ ทั้งนี้การที่อุณหภูมิของน้ำในแม่น้ำช่วงดึกอยู่ในระดับประมาณ 0 องศาเซลเซียส ก็เป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้คาดการณ์กันว่า ไร้ความหวังที่จะพบผู้ที่ยังรอดชีวิต หลังจากเวลาล่วงเลยมาถึงขนาดนี้

เมื่อวันอังคาร เจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถช่วยผู้รอดชีวิตขึ้นจากแม่น้ำได้ 2 คน แต่ยังสูญหายอีก 6 คน โดยคาดว่าทั้งหมดเสียชีวิตแล้ว ทั้ง 8 คนนี้เป็นคนงานอพยพซึ่งมาจากเม็กซิโก กัวเตมาลา และเอลซัลวาดอร์ กำลังซ่อมแซมผิวถนนบนสะพานตอนที่เรือสินค้า “ต้าหลี่” ติดธงสิงคโปร์และมุ่งหน้าสู่ศรีลังกา ชนตอม่อสะพานเมื่อเวลาประมาณ 1.30 น. วันอังคาร เป็นเหตุให้สะพานถล่มลงสู่แม่น้ำภายในเสี้ยววินาที

ก่อนหน้าที่เรือลำนี้จะชนสะพานไม่นาน เรือต้าหลี่ส่งสัญญาณเตือนภัยว่า ระบบไฟฟ้าดับ ทำให้เจ้าหน้าที่จราจรบริเวณสะพาน มีเวลาสั่งปิดการจราจร ทำให้สามารถป้องกันการเสียชีวิตจำนวนมาก โดยตามตัวเลขสถิติระบุว่า นับตั้งแต่ปี 2019 มีรถใช้สะพานนี้เฉลี่ย 30,800 คันต่อวัน

มีคนเจ็บ-ตายมากน้อยแค่ไหน

อย่างไรก็ดี ยังมีข้อสงสัยว่า มีคนติดอยู่ในรถที่อาจอยู่บนสะพานและตกลงไปในน้ำ ตอนที่ถูกเรือต้าหลี่ที่มีความยาว 289 เมตรชนสะพานหรือไม่

เจมส์ วอลเลซ ผู้อำนวยการแผนกดับเพลิงบัลติมอร์ เผยว่า ระบบโซนาร์ตรวจพบรถหลายคันในแม่น้ำ แต่ยังไม่สามารถให้รายละเอียดเพิ่มเติมได้

เวส มัวร์ ผู้ว่าการรัฐแมริแลนด์ แถลงว่า เจ้าหน้าที่กำลังทำการสอบสวน นอกจากนั้นยังมีการสั่งปิดท่าเรือบัลติมอร์ไม่มีกำหนด ขณะที่พอล วีเดอเฟลด์ รัฐมนตรีคมนาคมรัฐแมริแลนด์ เสริมว่า พวกเจ้าหน้าที่ไม่เชื่อว่า มีคนติดอยู่ในรถที่ตกน้ำ

ด้านซีเนอร์จี มารีน กรุ๊ป ที่เป็นผู้ดำเนินการเรือต้าหลี่ ระบุว่า ไม่มีลูกเรือได้รับบาดเจ็บ

เกิดจากอะไร

ก่อนที่จะชนสะพาน เรือต้าหลี่ส่งสัญญาณเตือนภัยว่า ระบบไฟฟ้าดับและเรือไม่มีกำลังขับ ซึ่งขณะนี้ยังไม่รู้สาเหตุที่ชัดเจนว่า ทำไมไฟฟ้าบนเรือจึงดับ

การท่าเรือแห่งสิงคโปร์ (เอ็มพีเอ) แถลงโดยอ้างอิงข้อมูลจากซีเนอร์จี มารีน กรุ๊ปว่า เหตุขัดข้องดังกล่าวทำให้ไม่สามารถบังคับเรือได้ เรือจึงพุ่งชนสะพานฟรานซิส สก็อตต์ คีย์บริดจ์

ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นไฟบนเรือดับมืด 2 ครั้งในช่วงไม่กี่นาทีก่อนที่เรือจะชนสะพาน รวมทั้งมีควันไฟลอยขึ้นมาจากเรือ

เอ็มพีเอเสริมว่า เรือต้าหลี่โยนสมอลงน้ำก่อนที่เรือจะชนอันเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการฉุกเฉิน และเพื่อชะลอความเร็วของเรือที่ปราศจากการควบคุม

เรือลำนี้มีประวัติเคยชนท่า ขณะออกจากท่าเรือแอนต์เวิร์ปในเบลเยียมเมื่อปี 2016 นอกจากนั้นการตรวจสอบที่ชิลีเมื่อปีที่แล้วยังพบว่า อุปกรณ์ขับเคลื่อนและอุปกรณ์เสริมของเรือบกพร่อง

ทว่า เอ็มพีเอแถลงว่า เรือต้าหลี่ผ่านการตรวจสอบจากท่าเรือต่างชาติ 2 แห่งในเดือนมิถุนายนและกันยายน 2023 และเกจวัดแรงดันน้ำมันที่เสียได้รับการซ่อมแซมก่อนที่เรือจะออกจากท่าหลังการตรวจสอบในเดือนมิถุนายน

นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยังย้ำว่า ไม่มีสิ่งบ่งชี้ว่า เป็นการก่อการร้าย

ทั้งนี้ คาดว่า เหตุการณ์นี้จะส่งผลรุนแรงต่อการจราจรในบัลติมอร์ รวมถึงกลายเป็นฝันร้ายด้านลอจิสติกส์นานนับเดือนหรืออาจเป็นปี เนื่องจากต้องปิดการจราจรทางน้ำบริเวณท่าเรือบัลติมอร์ซึ่งเป็นฮับการขนส่งสินค้าสำคัญของอเมริกา

(ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี)
กำลังโหลดความคิดเห็น