xs
xsm
sm
md
lg

เนปาลออกกฎใหม่! นักปีนเขาต้องพก ‘ถุงใส่อุจจาระ’ นำกลับลงมาจากยอด ‘เอเวอเรสต์’

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รัฐบาลเนปาลออกกฎระเบียบใหม่ให้นักปีนเขาที่จะขึ้นไปพิชิตยอดเอเวอเรสต์ต้องพก “ถุงใส่อุจจาระ” เพื่อนำกลับลงมาด้วย โดยเป็นหนึ่งในมาตรการแก้ไขปัญหามลพิษและสิ่งปฏิกูลสะสมบนยอดเขาสูงที่สุดในโลก

นักท่องเที่ยวที่ต้องการปีนขึ้นไปยังยอดเอเวอเรสต์ซึ่งมีความสูง 8,849 เมตรจากทางฝั่งเนปาล จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมขอใบอนุญาตปีนเขา 11,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหากนับรวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จำเป็น เช่น อาหาร ถังออกซิเจนสำรอง และค่าจ้างไกด์นำทางชาวเชอร์ปา ก็ทำให้การขึ้นไปพิชิตยอดเขาแห่งนี้อาจมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 35,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อคน

เนื่องจากมีนักปีนเขาหลั่งไหลขึ้นไปพิชิตเอเวอเรสต์ในทุกๆ ปี ทำให้ยอดเขาแห่งนี้เผชิญปัญหา “อุจจาระ” สะสมในพื้นที่ และด้วยสภาพอากาศที่หนาวเย็นก็ทำให้กระบวนการย่อยสลายเป็นเรื่องยากลำบาก

“ปัญหาของเสียจากมนุษย์ (human waste) บนยอดเอเวอเรสต์กำลังเข้าขั้นเลวร้าย” ดีวาส โพเกรล รองประธานสมาคมผู้พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ (Everest Summiteers Association) ให้ข้อมูลกับ CNN พร้อมชี้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นการสร้างมลพิษต่อสภาพแวดล้อมบนภูเขา และหากปราศจากกฎระเบียบใหม่ก็คาดว่าสถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายลงเรื่อยๆ

ในปี 2023 รัฐบาลเนปาลได้ออกใบอนุญาตพิชิตยอดเอเวอเรสต์ให้แก่นักท่องเที่ยวรวมทั้งสิ้น 478 คน ซึ่งมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ในจำนวนนี้มี 12 คนที่ได้รับการยืนยันว่าเสียชีวิต และอีก 5 คนกลายเป็นผู้สูญหาย

จีเนศ ซินดูราการ์ จากสมาคมนักปีนเขาแห่งเนปาล (Nepal Mountaineering Association) บอกกับ CNN ว่า ในฤดูกาลนี้คาดว่าจะมีนักเดินทางขึ้นไปพิชิตยอดเอเวอเรสต์มากถึง 1,200 คน

“คน 1 คนถ่ายอุจจาระประมาณ 250 กรัมต่อวัน และพวกเขาจะต้องใช้เวลาถึง 2 สัปดาห์บนแคมป์เพื่อจะขึ้นไปให้ถึงยอดเขา” ซินดูราการ์ อธิบาย

นักปีนเขาแต่ละคนจะได้รับถุงใส่อุจจาระ 2 ใบ แต่ละใบสามารถใช้งานได้ 6 ครั้ง โดยในถุงยังบรรจุสารเคมีซึ่งจะช่วยให้อุจจาระแข็งตัวและสามารถกำจัดกลิ่นได้

รัฐบาลเนปาลพยายามหาวิธีบรรเทาผลกระทบจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่มีต่อสภาพแวดล้อมบนเทือกเขาหิมาลัย โดยกองทัพเนปาลได้ริเริ่มโครงการเก็บขยะและพลาสติกมากถึง 35,708 กิโลกรัมลงมาจากเอเวอเรสต์และยอดเขาใกล้เคียง เช่น โลตเซ (Lhotse) อันนาปุรนะ (Annapurna) และบารุนเซ (Baruntse) เป็นต้น

ที่มา : CNN
กำลังโหลดความคิดเห็น