ชายชาวออสเตรเลียได้รับการช่วยเหลือ หลังติดอยู่ในท่อระบายน้ำในเมืองบริสเบน (Brisbane) นานถึง 36 ชั่วโมง โดยเจ้าตัวอ้างว่าพยายามลงไปเก็บ “โทรศัพท์มือถือ” ที่ทำตกไว้
อย่างไรก็ดี ตำรวจรัฐควีนส์แลนด์ออกมาเผยข้อมูลล่าสุดว่า จริงๆ แล้วชายคนนี้จงใจ “หนี” เจ้าหน้าที่ลงไปในท่อ หลังจากขับรถพุ่งชนรถตำรวจเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (24 มี.ค.)
หนุ่มวัย 38 ปี คนนี้ได้รับการช่วยเหลือหลังมีพลเมืองดีโทร.แจ้งทางการว่ามีคนติดอยู่ในท่อระบายน้ำ จากนั้นจึงถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาแผลขีดข่วน และภาวะตัวเย็น (hypothermia)
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ชายคนนี้ยืนแช่น้ำที่สูงระดับเข่า ก่อนที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจะช่วยเปิดฝาท่อและพาตัวเขาขึ้นมา ซึ่งใช้เวลาอยู่ราวๆ 5 นาที
เจมส์ ลิงวูด ชาวบ้านที่โทร.แจ้งขอความช่วยเหลือ บอกกับหนังสือพิมพ์ Courier Mail ว่า เขาไปเจอชายคนนี้ติดท่ออยู่ตั้งแต่วันอาทิตย์ (24) หลังได้ยินเสียงคล้ายคนตะโกน
“ตอนนั้นเขายังดูโอเค แถมยังพูดว่าลงทางไหนก็จะขึ้นทางนั้น ผมก็เลยปล่อยเขาไว้” ลิงวูด กล่าว
อย่างไรก็ตาม เมื่อพลเมืองดีรายนี้กลับไปยังจุดเดิมในวันจันทร์ (25) กลับได้ยินเสียง “หายใจหนักๆ” ซึ่งทำให้เขารู้ว่าใครสักคนกำลังลำบาก จึงตัดสินใจแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาช่วยเหลือ
ตำรวจรัฐควีนส์แลนด์แถลงเมื่อวันอังคาร (26) ว่า ชายคนนี้ขับขี่ “รถต้องสงสัย” พุ่งชนกับรถตำรวจเมื่อเวลา 4.20 น.ของวันอาทิตย์ จนทำให้รถทั้ง 2 คันได้รับความเสียหาย และโชคดีที่ตำรวจไม่ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นได้ขับรถหนีต่อจนกระทั่งไปเฉี่ยวชนกับรถยนต์คันที่สอง ซึ่งทำให้คนขับอีกฝ่ายบาดเจ็บเล็กน้อย
ชายคนนี้ตัดสินใจทิ้งรถ และวิ่งหลบหนีไปจากจุดเกิดเหตุ
ล่าสุดตำรวจยืนยันว่า อาการของเขาเริ่มคงที่ และให้ความร่วมมือในการสอบปากคำเป็นอย่างดี
ที่มา : BBC