เอเอฟพี – อิสราเอลและฮามาสยังคงสู้รบกันหนักหน่วงในฉนวนกาซา แม้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็นลงมติเรียกร้องหยุดยิงทันทีเมื่อวันจันทร์ (25 มี.ค.) ภายหลังอเมริกางดออกเสียงจากที่ใช้สิทธิ์ยับยั้งมาตลอด สร้างความขุ่นเคืองอย่างยิ่งต่อยิวที่ตอบโต้ด้วยการงดส่งคณะเจ้าหน้าที่เดินทางไปหารือที่วอชิงตันตามการเรียกร้องของไบเดน
มติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ยังรวมถึงการเรียกร้องให้ฮามาสและนักรบกลุ่มอื่นๆ ปล่อยตัวประกันอิสราเอล
ภายหลังการลงมติ แอนโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการยูเอ็น โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า การไม่ปฏิบัติตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงจะถือเป็นการกระทำที่อภัยให้ไม่ได้
ด้านอิสราเอลไม่พอใจอย่างมากที่อเมริกาที่เป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงฯ งดออกเสียง และปล่อยให้สมาชิกที่เหลือทั้ง 14 ประเทศลงมติรับรองญัตติดังกล่าว ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับจากที่สงครามกาซาเริ่มต้นขึ้นที่คณะมนตรีความมั่นคงฯ ผ่านญัตติเรียกร้องให้หยุดยิงทันที
วอชิงตันยืนยันว่า การงดออกเสียงหลังจากใช้สิทธิ์ยับยั้งมาหลายครั้ง ไม่ได้หมายความว่า มีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย แม้ช่วงหลายสัปดาห์มานี้อเมริกามีท่าทีแข็งกร้าวขึ้นกับอิสราเอลก็ตาม
สงครามครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นหลังจากนักรบฮามาสบุกเข้าไปสังหารเหยื่อราว 1,160 คนในอิสราเอล และจับตัวประกันราว 250 คนกลับไปยังกาซา ซึ่งอิสราเอลเชื่อว่า ขณะนี้ยังเหลือตัวประกันในกาซาราว 130 คน โดยที่ 33 คนในจำนวนนี้คาดว่า เสียชีวิตแล้ว
อิสราเอลประกาศกวาดล้างฮามาสและช่วยเหลือตัวประกัน และเริ่มต้นโจมตีทางอากาศอย่างรุนแรง รวมทั้งบุกภาคพื้นดินเข้าสู่กาซาจนถึงขณะนี้ ส่งผลให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตกว่า 32,000 คน
กระทรวงสาธารณสุขกาซาแถลงว่า มีผู้เสียชีวิต 70 คนเมื่อเช้าวันอังคาร (26 มี.ค.) ซึ่งรวมถึง 13 คนที่เสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลรอบเมืองราฟาห์ที่เป็นเป้าหมายหลักในสงครามขณะนี้
ทางฝ่ายฮามาสแสดงความยินดีกับมติของคณะมนตรีความมั่นคงฯ และยืนยันว่า พร้อมเจรจาปล่อยตัวประกันแลกกับนักโทษปาเลสไตน์ในเรือนจำอิสราเอล ฮามาสยังกล่าวหาคณะรัฐมนตรีอิสราเอลขัดขวางการเจรจารอบล่าสุดที่กาตาร์จัดขึ้น ทั้งนี้ อิสราเอลยืนกรานปกป้องปฏิบัติการทางทหารของตนเอง แม้ถูกนานาชาติวิจารณ์มากขึ้น
ภายหลังอเมริกางดออกเสียงในคณะมนตรีความมั่นคงฯ เมื่อวันจันทร์ อิสราเอลตอบโต้ทันควันด้วยการยกเลิกการส่งคณะผู้แทนไปวอชิงตันตามการเรียกร้องของประธานาธิบดีโจ ไบเดน
อิสราเอลระบุว่า การกระทำของอเมริกาส่งผลกระทบต่อความพยายามของตนในการทำสงครามและการช่วยเหลือตัวประกัน ขณะที่สำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอลชี้ว่า เป็นสัญญาณชัดเจนว่า อเมริกาล่าถอยจากจุดยืนที่ยึดถือมานาน
ขณะเดียวกัน การสู้รบในกาซายังคงหนักหน่วงเช่นเดิม ผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า เครื่องบินรบอิสราเอลถล่มเมืองราฟาห์เมื่อวันอังคาร ขณะที่กองทัพอิสราเอลแถลงว่า ระบบต่อต้านจรวดส่งสัญญาณเตือนภัยในดินแดนอิสราเอลรอบฉนวนกาซา
แม้ถูกระดมโจมตีต่อเนื่องเช่นเดียวกับเมืองอื่นๆ ในกาซา แต่ราฟาห์เป็นเมืองเดียวที่อิสราเอลยังไม่ส่งกำลังบุกภาคพื้นดิน ทั้งนี้ ราฟาห์ที่อยู่ทางใต้สุดของฉนวนกาซาและติดกับอียิปต์ มีพลเรือนปาเลสไตน์หลบภัยอยู่ราว 1.5 ล้านคน
การตัดสินใจเด็ดขาดของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ในการเปิดปฏิบัติการภาคพื้นดินในราฟาห์ เป็นประเด็นแตกหักสำคัญระหว่างอิสราเอลกับอเมริกา
นอกจากนั้นกองทัพอิสราเอลยังต่อสู้กับนักรบอิสลามรอบโรงพยาบาลสองแห่งในเมืองข่านยูนิส และสังหารนักรบราว 20 คนในย่านอัล-อามาลเมื่อวันจันทร์
การสู้รบเหล่านี้เกิดขึ้นขณะที่ฟรานเชสกา อัลบานีส ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการแต่งตั้งจากยูเอ็น ระบุว่า มีหลักฐานที่เชื่อได้ว่า ปฏิบัติการของอิสราเอลในกาซาเข้าข่ายการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
อิสราเอลตอบโต้รายงานดังกล่าวที่นำเสนอต่อคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งยูเอ็นเมื่อวันอังคารว่า เป็นการบิดเบียนความจริงอย่างน่ารังเกียจ