ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ในวันเสาร์ (23 มี.ค.) ประกาศลงโทษพวกที่อยู่เบื้องหลัง "การโจมตีก่อการร้ายป่าเถื่อน" เล่นงานอาคารแสดงคอนเสิร์ตแห่งหนึ่งในมอสโก สังหารผู้คนไปมากกว่า 130 ราย พร้อมเผยว่ารัสเซียสามารถจับกุมมือปืนได้ 4 คน ที่กำลังพยายามหลบหนีไปยูเครน
เคียฟปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่าไม่เกี่ยวข้องด้วย แต่ทาง ปูติน ไม่ได้พาดพิงใดๆ ถึงถ้อยแถลงของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ที่ออกมาอ้างความรับผิดชอบ ในการออกมาแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะเป็นครั้งแรกต่อเหตุโจมตีที่เกิดขึ้น
จนถึงตอนนี้พบผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 133 ราย ในเหตุกลุ่มมือปืนในชุดลายพรางบุกจู่โจมเข้าไปยังอาคารครอคัส ซิตี ในย่านชานเมืองของแคว้นคราสโนกอร์สก์ ทางเหนือของมอสโก จากนั้นก็จุดไฟเผาอาคารในช่วงเย็นวันศุกร์ (22 มี.ค.)
กลุ่มไอเอสออกมาอ้างความรับผิดชอบ โดยเขียนบนช่องเทเลแกรมในวันเสาร์ (23 มี.ค.) ว่าเหตุโจมตีครั้งนี้ลงมือโดยนักรบไอเอส 4 คน ที่ติดอาวุธปืนกล ปืนสั้น มีดและระเบิดเพลิง ส่วนหนึ่งในการทำสงครามกับประเทศต่างๆ ที่สู้รบกับอิสลาม
เหตุการณ์นี้ถือเป็นเหตุโจมตีนองเลือดในรัสเซียครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบเกือบ 2 ทศวรรษและเป็นเหตุโจมตีนองเลือดที่สุดในยุโรป ที่พวกไอเอสออกมากล่าวอ้างความรับผิดชอบ
เจ้าหน้าที่รัสเซียคาดหมายว่ายอดผู้เสียชีวิตจะพุ่งสูงกว่านี้ เนื่องจากมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 100 คน ที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล "พวกก่อการร้าย พวกฆาตกร ไม่ใช่มนุษย์ จะมีชะตากรรมที่ไม่พึงปรารถนา นั่นคือผลกรรมตามสนองและสูญหายไปจากความทรงจำ" ปูตินปราศรัยกับประชาชนทั่วประเทศในวันเสาร์ (23 มี.ค.)
ปูติน เรียกการโจมตีนี้ว่าเป็น "การก่อการร้ายที่โหดร้ายป่าเถื่อน" พร้อมเผยว่า "ผู้กระทำผิดโดยตรงทั้ง 4 คน ซึ่งก่อเหตุยิงสังหารประชาชนถูกพบตัวและโดนรวบตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว" เขากล่าว และอ้างอิงข้อมูลเบื้องต้นระบุว่า "พวกเขาพยายามหลบหนีและเดินทางมุ่งหน้าไปยูเครน แม่หม้ายคนหนึ่งเตรียมการให้พวกเขาจากฝั่งยูเครน สำหรับข้ามชายแดนรัฐ"
นอกจากนี้ ปูตินยังเปรียบเทียบพวกมือโจมตีกับ "นาซี" และบอกว่ามันเป็นการโจมตีที่โหดร้าย "เล่นงานรัสเซียและประชาชนของเรา" พร้อมประกาศไว้ทุกข์ทั่วประเทศเป็นเวลา 1 วันในวันอาทิตย์ (24 มี.ค.)
หน่วยงานความมั่นคงรัสเซีย FSB เปิดเผยว่าได้ทำการจับกุมบุคคล 11 ราย ในความเกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีในวันเสาร์ (23 มี.ค.) "พวกผู้กระทำผิดทุกคน พวกผู้วางแผนและใครที่ออกคำสั่งอาชญากรรมนี้จะถูกลงโทษโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้" ปูตินกล่าวต่อ
ก่อนหน้านี้ FSB บอกว่าพวกมือโจมตีมีเส้นตายติดต่อต่างๆ ในยเครน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม กระตุ้นให้เคียฟซึ่งเผชิญกับการรุกรานทางทหารโดยรัสเซียมานานกว่า 2 ปี รุดออกมาปฏิเสธความเกี่ยวข้อง
ส่วน โดนัลด์ ทัสก์ นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ ระบุในวันเสาร์ (23 มี.ค.) แสดงความหวังว่า "โศกนาฏกรรมอันน่าสยดสยองนี้จะไม่ถูกหยิบยกมาเป็นข้ออ้างสำหรับใครก็ตาม ในการโหมกระพือยกระดับความรุนแรงและการรุกราน"
คณะกรรมการสอบสวนแห่งรัสเซีย (Investigative Committee) ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบอาชญากรรมใหญ่ๆ เปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงดึงร่างผู้คนออกมาจากอาคารที่ถูกไฟเผาไหม้ในวันเสาร์ (23 มี.ค.) หน่วยฉุกเฉินพบศพเพิ่มเติมระหว่างเข้าเคลียร์ซากปรักหักพัง" ถ้อยแถลงในเทเลแกรมระบุ "จำนวนผู้เสียชีวิตในการโจมตีก่อการร้ายนี้เพิ่มเป็น 133 คน และปฏิบัติการต่างๆ ยังคงเดินหน้าต่อไป"
ผู้ว่าการแคว้นมอสโกบอกว่าทีมกู้ภัยจะเดินหน้าค้นหาพื้นที่ดังกล่าวต่อไปอีกหลายวัน ขณะที่รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย เผยว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกราว 107 คน ยังคงอยู่ในโรงพยาบาล จำนวนมากอาการสาหัส
หลังการโจมตี "พวกก่อการร้ายใช้ของเหลวไวไฟจุดไฟเผาทั่วอาคารคอนเสิร์ต บริเวณที่มีผู้ชมอยู่ตรงนั้น ในนั้นรวมถึงผู้ได้รับบาดเจ็บ" คณะกรรมการสอบสวนแห่งรัสเซียบอก
ทีมสืบสวนระบุว่าในบรรดาผู้เสียชีวิตนั้นมีทั้งเสียชีวิตจากบาดแผลกระสุนปืนและสำลักควันตาย หลังเปลวไฟลุกท่วมอาคารที่มีความจุ 6,000 ที่นั่ง ไฟได้ลุกลามทั่งอาคารอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางผู้ชมที่กรีดร้องวิ่งไปยังประตูทางออกฉุกเฉิน แต่จำนวนมากไม่สามารถหลบหนีออกมาได้ทัน
หัวหน้าสำนักข่าวอาร์ทีนิวส์ สื่อมวลชนแห่งรัฐ โพสต์วิดีโออ้างว่าเป็นภาพการสอบปากคำผู้ต้องสงสัย 2 คนที่ถูกสวมกุญแจมือ โดยทั้ง 2 คนสารภาพว่าเป็นคนลงมือโจมตี แต่ไม่ได้บอกว่าใครเป็นคนบงการ
กระทรวงมหาดไทยรัสเซียระบุว่าผู้ต้องสงสัยมือปืนทั้ง 4 คน ล้วนแต่เป็นคนต่างชาติ ในนั้นรวมถึงมีความเชื่อมโยงกับหน่วยงานด้านความมั่นคง ขณะที่ช่องเทเลแกรมหนึ่งของรัสเซีย ถึงขั้นบอกว่าคนเหล่านี้มาจากทาจิกิสถาน ประเทศที่มีชายแดนติดกับอัฟกานิสถานและเป็นดินแดนที่พวกกลุ่มญิฮาดเคลื่อนไหวอยู่
กระทรวงการต่างประเทศของทาจิกิสถาน ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวทาสส์นิวส์ของรัสเซีย ว่าพวกเจ้าหน้าที่ได้ติดต่อประสานงานใกล้ชิดกับมอสโก เกี่ยวกับข้อสมมติฐานที่ว่ามีพลเมืองของพวกเขาเกี่ยวข้องในเหตุโจมตีก่อการร้ายนี้
ในมอสโก พบเห็นประชาชนต่อแถวยาวเหยียดท่ามกลางสายฝนเพื่อบริจาคเลือดช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บที่กำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล และบางส่วนนำดอกไม้มาวางไว้อาลัยบริเวณด้านนอกอาคารคอนเสิร์ต
กิจกรรมหลักๆ ทั่วประเทศถูกยกเลิก ในนั้นรวมถึงศึกฟุตบอลนัดกระชับมิตรระหว่างรัสเซียกับปารากวัย ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในกรุงมอสโกในวันจันทร์ (25 มี.ค.) ในขณะที่ถ้อยแถลงประณามการโจมตียังคงไหล่บ่าออกมาอย่างไม่ขาดสาย
บรรดาหน่วยข่าวกรองทรงอานุภาพของรัสเซีย ก็ถูกตั้งคำถามเช่นกันตามหลังเหตุโจมตี เนื่องจากก่อนหน้านี้เพียง 3 วัน ปูติน เพิ่งออกมาปฏิเสธต่อสาธารณะ โดยบอกว่าคำเตือนของสหรัฐฯ ต่อเหตุโจมตีปัจจุบันทันด่วนในมอสโก เป็นโฆษณาชวนเชื่อที่มีเป้าหมายก่อความหวาดกลัวแต่พลเรือนรัสเซีย
สถานทูตสหรัฐฯ ในรัสเซีย เตือนเมื่อวันที่ 7 มีนาคม ว่า "พวกก่อการร้ายมีแผนเล่นงานที่รวมตัวขนาดใหญ่ในมอสโกโดยปัจจุบันทันด่วน ในนั้นรวมถึงคอนเสิร์ตต่างๆ" และวอชิงตันบอกหลังเหตุโจมตีว่าพวกเขาเคยแบ่งปันข้อมูลโดยตรงกับมอสโกก่อนหน้าแล้ว
อย่างไรก็ตาม ระหว่างพูดคุยกับบรรดาผู้บัญชาการหน่วยงานความมั่นคงเมื่อวันอังคารที่แล้ว (19 มี.ค.) ปูติน เรียกมันว่าเป็นถ้อยแถลงยั่วยุ และ "เป็นการแบล็กเมล์อย่างโจ่งแจ้ง ข่มขู่และบั่นทอนเสถียรภาพสังคมของเรา"
(ที่มา : เอเอฟพี)