บรรดาธนาคารตะวันตกบางแห่งเริ่มต้นล็อบบี้คัดค้านข้อเสนอของอียู ที่เล็งนำรายได้ดอกเบี้ยจากทรัพย์สินของรัสเซียที่อายัดไว้ไปจัดสรรใหม่และจัดหาอาวุธป้อนแก่ยูเครน จากการเปิดเผยของแหล่งข่าวระดับสูงในภาคอุุตสาหกรรมนี้ในวันพฤหัสบดี (21 มี.ค.) ท่ามกลางความกังวลว่ามันอาจนำมาซึ่งการถูกฟ้องร้องดำเนินคดี
บรรดาผู้นำสหภาพยุโรปในวันพฤหัสบดี (21 มี.ค.) อยู่ระหว่างปรึกษาหารือแผนการหนึ่ง ซึ่งจะใช้ดอกเบี้ยที่ได้จากทรัพย์สินของรัสเซียที่อายัดไว้ สูงสุดราว 3,000 ล้านยูโรต่อปี จัดหาอาวุธป้อนแก่ยูเครน ในขณะที่พวกเขาพยายามสนับสนุนยูเครนในการสู้รบกับรัสเซีย ซึ่งยังคงมีสิทธิเหนือทรัพย์สินเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม ธนาคารบางแห่งเกรงว่าหลังจากนั้นพวกเขาอาจถูกรัสเซียฟ้องร้องดำเนินการทางกฎหมาย หากว่าพวกเขาเข้าไปเกี่ยวข้องกับการโอนย้ายเงินใดๆ ไปให้ยูเครน และกังวลว่าแผนของอียูอาจขยายขอบเขตไปยังทรัพย์สินในบัญชีต่างๆ ของบุคคลหรือนิติบุคคลที่อยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรของอียู
แหล่งข่าวยังแสดงความวิตกว่า ข้อเสนอนี้อาจกัดเซาะความเชื่อมั่นในวงกว้างต่อระบบธนาคารของตะวันตก พร้อมเผยว่าพวกเขาได้แชร์ความกังวลดังกล่าวกับเหล่าผู้กำหนดนโยบายในสหราชอาณาจักรและยูโรโซน
รัสเซียกล่าวว่าความพยายามใดๆ ที่จะยึดเงินหรือดอกเบี้ยของพวกเขา คือการ "ขโมย" และมันจะนำไปสู่การดำเนินคดียาวนานหลายทศวรรษเอาผิดกับพวกที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ในขณะที่มอสโกเคยเน้นย้ำมาตลอดว่าจะทำการแก้แค้นหากว่าทรัพย์สินหรือรายได้ของพวกเขาถูกยึด
ปัจจุบัน อียูอายัดทรัพย์สินต่างๆ ที่ธนาคารกลางรัสเซียถือครองอยู่ในสหภาพยุโรป อยู่ราว 190,000 ล้านยูโร ทั้งรูปแบบหลักทรัพย์และเงินสด ส่วนหนึ่งในมาตรการคว่ำบาตรลงโทษที่กำหนดเล่นงานมอสโก ต่อกรณีส่งทหารรุกรานยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2022 โดยเงินทุนส่วนใหญ่ถือครองโดย Euroclear องค์กรที่ทำหน้าที่รับฝากหลักทรัพย์ ชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ระหว่างประเทศ ที่มีสำนักงานในเบลเยียม
นอกจากนี้ ธนาคารตะวันตกหลายแห่งยังถือครองเงินหลายพันล้าน ทั้งในรูปแบบยูโร ปอนด์ และดอลลาร์ ในทรัพย์สินของบริษัทและบุคคลต่างๆ ที่อยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตร
แอนทอน ซิลูอานอฟ รัฐมนตรีคลังรัสเซีย เปิดเผยเมื่อปีที่แล้ว ว่ามีชาวรัสเซียถูกอายัดทรัพย์สินในต่างแดนมากกว่า 3.5 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าราว 1.5 ล้านล้านรูเบิล (ราว 16,320 ล้านดอลลาร์) ภายใต้แผนของอียู 90% ของเงินที่ดึงออกมาจากดอกเบี้ยจะถูกนำไปป้อนเข้าสู่กองทุนหนึ่งเพื่อใช้สำหรับเป็นทุนสำรองค่าใช้จ่ายด้านอาวุธสำหรับยูเครน ส่วนอีก 10% ที่เหลือจะถูกป้อนเข้าสู่งบประมาณของอียู ซึ่งพวกเขาจะนำไปใช้เพิ่มศักยภาพอุตสาหกรรมป้องกันตนเองของยูเครน เช่นเดียวกับการบูรณะและฟื้นฟู
แหล่งข่าวระบุว่า การอนุญาตให้ยึดทรัพย์และจัดสรรดอกเบี้ยของทรัพย์สินเหล่านี้อาจนำพาธนาคารต่างๆ เสี่ยงถูกฟ้องร้องดำเนินคดีทางกฎหมายโดยพวกผู้เป็นเจ้าของ พร้อมเตือนว่าข้อเสนอนี้จะเป็นแบบอย่างของการใช้ทรัพย์สินและทุนสำรองระหว่างประเทศของต่างชาติที่ถือครองไว้เป็นอาวุธ
ขณะเดียวกันแหล่งข่าวรายที่ 2 เปิดเผยว่าธนาคารของพวกเขากำลังขอคำแนะนำทางกฎหมาย เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะเรียกค่าชดเชยต่อการถูกบีบให้เข้าร่วมในแผนการของอียู
มอสโกเตือนว่าการยึดทรัพย์ใดๆ จะบ่อนทำลายสิทธิในทรัพย์สิน กัดเซาะความเชื่อมั่นในพันธบัตรและสกุลเงินต่างๆ ของตะวันตก และเท่ากับเป็นการยิงตอร์ปิโดเข้าใส่ความไว้วางใจระหว่างธนาคารกลางทั้งหลาย
"พวกประเทศยุโรปทราบดีว่าความเสียหายจากการตัดสินใจลักษณะนี้จะส่งผลกระทบอย่างไรกับเศรษฐกิจของพวกเขา ภาพลักษณ์ของพวกเขา ชื่อเสียงของพวกเขาในฐานะผู้รับประกันที่น่าเชื่อถือ" ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลินกล่าว "พวกเขาจะตกเป็นเป้าหมายของการดำเนินคดีไปอีกหลายทศวรรษ"
มาเรีย ชาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กล่าวในวันพุธ (20 มี.ค.) ว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่มอสโกจะต้องทำการตอบโต้การชิงทรัพย์และลักขโมยอย่างโจ่งแจ้งครั้งนี้
(ที่มา : รอยเตอร์)