กองทหารรัสเซียเข้ายึดหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกของยูเครน ที่อยู่ห่างออกไปราว 10 กิโลเมตรจากเมืองอัฟดิอิฟกา ซึ่งตกอยู่ในกำมือของมอสโกเมื่อเดือนที่แล้ว กระทรวงกลาโหมแดนหมีขาวแถลงในวันพฤหัสบดี (21 มี.ค.) หรือ 1 วันหลังจากเจ้าหน้าที่อาวุโสทำเนียบขาวยอมรับเมื่อวันพุธ (20 มี.ค.) ว่า ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าเมื่อใดรัฐสภาสหรัฐฯจึงจะอนุมัติแพกเกจงบช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนมูลค่ากว่า 60,000 ล้านดอลลาร์ แม้มีเสียงเตือนว่าความอยู่รอดของเคียฟกำลังตกอยู่ในอันตราย
ขณะเดียวกัน ยูเครนระบุว่ารัสเซียได้ยิงขีปนาวุธกว่า 30 ลูกเข้าใส่กรุงเคียฟตอนเช้าวันพฤหัสบดี (21) ถือเป็นการโจมตีใส่เมืองหลวงยูเครนครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนทำเนียบเครมลินแถลงปรามว่าสหภาพยุโรปจะละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรงชนิดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน หากพวกเขาขืนเดินหน้าใช้ทรัพย์สินของรัสเซียที่อายัดไว้ เพื่อนำไปจัดหาอาวุธป้อนแก่ยูเครน
ในการแถลงข่าวประจำวันวันพฤหัสบดี (21) กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า ฝ่ายตนสามารถปลดแอกหมู่บ้านโตเนนเก ซึ่งผู้สื่อข่าวระบุว่าเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ริมแม่น้ำที่มีถนนหลายสายตัดผ่าน และถือเป็นหมู่บ้านแห่งที่สองทางทิศตะวันตกของอัฟดิอิฟกา ซึ่งมอสโกอ้างว่ายึดได้ในสัปดาห์นี้ โดยที่รัสเซียกำลังมองเห็นความสำเร็จในสนามรบเพิ่มมากขึ้นในช่วงหลังๆ มานี้ ขณะที่เคียฟประสบความลำบากจากการขาดแคลนเครื่องกระสุนและกำลังพล
รัสเซียยึดอัฟดิอิฟกาได้ในเดือนกุมภาพันธ์ หลังเกิดการสู้รบอย่างนองเลือดที่สุดครั้งหนึ่งของการสู้รบขัดแย้งคราวนี้ที่ดำเนินมาได้กว่า 2 ปีแล้ว โดยที่มอสโกป่าวร้องว่าชัยชนะนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญจุดหนึ่ง
การอ้างว่ายึดหมู่บ้านได้อีกแห่งหนึ่ง ยังเกิดขึ้นขณะที่รัสเซียเปิดฉากใช้ขีปนาวุธโจมตีอย่างขนานใหญ่ใส่กรุงเคียฟ โดยที่ยูเครนระบุว่ามอสโกยิงขีปนาวุธใส่เมืองหลวงของตนมากกว่า 30 ลูก ส่วนกระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงว่า ได้ใช้ “อาวุธความแม่นยำสูง” ซึ่งรวมถึงขีปนาวุธคินซัล ที่มีความเร็วระดับไฮเปอร์โซนิก (เร็วกว่าเสียง 5 เท่าขึ้นไป) โจมตีเล่นงาน “ศูนย์บังคับบัญชาต่างๆ” ของกองทัพยูเครน
มอสโกโจมตีเคียฟอย่างรุนแรงในวันพฤหัสบดี หลังจากฝ่ายยูเครนขยายการโจมตีใส่แคว้นชายแดนหลายแห่งของรัสเซีย ตลอดจนพวกโรงกลั่นน้ำมันในช่วง 2 สัปดาห์หลังๆ นี้ โดยใช้อาวุธจำพวกโดรน, จรวด, และการยิงด้วยปืนใหญ่
กระทั่งในวันพฤหัสบดี ผู้ว่าการแคว้นเบลโกร็อด ของรัสเซียซึ่งมีพรมแดนติดต่อกับยูเครนแถลงว่า มีคนได้รับบาดเจ็บ 5 คน และห้องพักกว่า 30 ห้องในอาคารพำนักอาศัย 6 หลังได้รับความเสียหาย จากการโจมตีทางอากาศของยูเครน
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ประกาศลั่นในสัปดาห์ที่แล้วว่า การโจมตีเหล่านี้ของศัตรูจะต้องถูกลงโทษโดยไม่มีการปล่อยปละ ในวันพุธ (20) ที่ผ่านมา เขาบอกว่าจะฟื้นฟู “ความมั่นคง” ในพื้นที่ชายแดน พร้อมกับกล่าวว่ารัสเซียมี “แผนการ” ที่จะไปสู่ชัยชนะในการสู้รบกับยูเครน
ในอีกด้านหนึ่ง ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว เจค ซัลลิแวน กล่าวขณะไปเยือนกรุงเคียฟเมื่อวันพุธ ยอมรับว่า งบช่วยเหลือยูเครนที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งได้ถูกเตะถ่วงอยู่ในรัฐสภาสหรัฐฯมาตั้งแต่ปีที่แล้ว และทำให้ทหารยูเครนในแนวหน้าประสบปัญหาขาดแคลนกระสุนอย่างรุนแรง
"มันใช้เวลานานเกินไปแล้ว และผมรู้ พวกคุณก็รู้" ซัลลิแวน กล่าวระหว่างแถลงข่าวใน เคียงข้าง อันดรีย์ เยอร์มัค หัวหน้าคณะทำงานของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี
ซัลลิแวน ยอมรับว่า "ผมจะไม่คาดการณ์อย่างชัดๆ ว่าเรื่องนี้จะแล้วเสร็จเมื่อไร เรากำลังดำเนินการให้มันลุล่วงอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่วันนี้ผมไม่สามารถคาดการณ์ได้อย่างเจาะจง"
อย่างไรก็ตาม เขาเน้นย้ำจุดยืนของทำเนียบขาว ที่แสดงความมั่นใจว่าจะสามารถปลดล็อกเงินช่วยเหลือดังกล่าวได้ ณ จุดใดจุดหนึ่ง "เราแสดงความมั่นใจว่าจะสามารถทำให้เรื่องนี้ลุล่วง เราจะมอบเงินช่วยเหลือนี้แก่ยูเครน"
ทั้งนี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากอยู่ ได้ขัดขวางเงินช่วยเหลือก้อนใหม่มูลค่ากว่า 60,000 ล้านดอลลาร์ ที่จะมอบแก่ยูเครน ท่ามกลางแรงกดดันจาก โดนัลด์ ทรัมป์
ดมีโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน กล่าวเมื่อวันอังคาร (19) แสดงความผิดหวังต่อความไม่แน่นอน โดยบอกว่า "สิ่งที่ทำให้เราช็อกก็คือ ยังไม่มีการตัดสินใจเห็นชอบแพกเกจดังกล่าว"
ขณะที่ เซเลนสกี กล่าวระหว่างพบปะกับ ลินด์ซีย์ เกรแฮม วุฒิสมาชิกอาวุโสของสหรัฐฯ ว่าการตัดสินใจอย่างรวดเร็วของสภาคองเกรสจะเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
ส่วนทาง เกรแฮม กล่าวถึงข้อเสนอต่างๆ ของ ทรัมป์ ว่าที่ตัวแทนพรรคของเขาสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เสนอว่าเงินช่วยเหลือต่างประเทศใดๆ ของสหรัฐฯ ควรจัดให้ในฐานะเงินกู้ปราศจากดอกเบี้ย อาจเป็นพิมพ์เขียวสำหรับการปลดล็อกเงินช่วยเหลือแก่เคียฟ "การเปลี่ยนเงินช่วยเหลือจากอเมริกา เป็นเงินกู้ปลอดดอกเบี้ยและเงินกู้ที่ผ่อนผันได้ เป็นเส้นทางเดินหน้าที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด"
"นี่กำลังเป็นเส้นทางใหม่ในการจัดการสิ่งที่ยังคงคาราคาซัง ผมคิดว่ามันจะได้รับการสนับสนุนจากสาธารณะเพิ่มเติมในสหรัฐฯ" แกรแฮมกล่าว พร้อมเชื่อว่าเงินช่วยเหลือลักษณะดังกล่าวจะได้รับความเห็นชอบจากสภาคองเกรสภายในไม่กี่วัน
(ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์)