การประเมินความมั่นคงด้านอาหารที่ได้รับการสนับสนุนจากสหประชาชาติระบุในวันจันทร์ (18 มี.ค.) ว่า ชาวกาซา 50% กำลังเผชิญความหิวโหย “ขั้นหายนะ” และอาจมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากหากยังไม่มีการหยุดยิงทันที ขณะที่นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลตกลงส่งผู้แทนไปหารือที่วอชิงตันเกี่ยวกับวิธีจัดการฮามาสโดยไม่ต้องบุกเมืองราฟาห์ ซึ่งมีหวังจะสร้างความวิบัติทางมนุษยธรรมอย่างร้ายแรง ตามที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ เรียกร้อง
หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องระบุว่า เครื่องมือวัดความมั่นคงทางอาหารที่เรียกกันว่าระบบมาตรวัด IPC (Integrated Food Security Phase Classification) มีผลประเมินออกมาว่า ประชาชน 1.1 ล้านคน หรือครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งหมดในกาซากำลังเผชิญความหิวโหย (hunger) ในขั้นหายนะ ซึ่งโครงการอาหารโลก (ดับเบิลยูอีเอฟ) ระบุว่า ถือเป็นจำนวนประชากรมากที่สุดเท่าที่มีการบันทึกไว้ภายใต้ระบบไอพีซี ซึ่งพัฒนาขึ้นในปี 2004
สถานการณ์ดังกล่าวยิ่งเลวร้ายในพื้นที่ตอนเหนือของฉนวนกาซา ซึ่งสหประชาชาติระบุว่า มีประชาชนราว 300,000 คนอาศัยอยู่ ขณะที่การประเมินไอพีซีสำทับว่า พื้นที่ดังกล่าวกำลังจะเผชิญภาวะอดอยาก (femine) ในช่วงระหว่างกลางเดือนนี้ถึงเดือนพฤษภาคม
รายงานไอพีซีเตือนว่า การดำเนินการที่จำเป็นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะมอดอยากต้องการการตัดสินใจทางการเมืองทันทีเพื่อให้มีการหยุดยิงและเพิ่มการจัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจำนวนมากเข้าสู่กาซา
มาร์ติน กริฟฟิธส์ รองเลขาธิการสหประชาชาติฝ่ายกิจการมนุษยธรรม เรียกร้องอิสราเอลอนุญาตให้จัดส่งความช่วยเหลือเข้าสู่กาซาอย่างเสรี และย้ำว่า ไม่มีเวลาจะเสียอีกต่อไป
การประเมินไอพีซีชี้ว่า แม้สถานการณ์ยังไม่ถึงเกณฑ์ภาวะอดอยากทางเทคนิค แต่หลักฐานทั้งหมดบ่งชี้ว่า จะมีการเสียชีวิตและขาดอาหารอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในหมู่เด็กๆ
ทั้งนี้ คำจำกัดความของภาวะอดอยากหมายถึงการที่ครัวเรือน 20% เผชิญการขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในกาซาขณะนี้
ขณะที่เกณฑ์ข้ออื่นๆ คือ การที่เด็ก 1 ใน 3 ขาดสารอาหารอย่างรุนแรง จากข้อมูลของดับเบิลยูเอฟพีชี้ว่า เวลานี้มีเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี จำนวน 1 ใน 3 ขาดสารอาหารรุนแรงและซูบผอมในระดับที่เป็นอันตราย
เกณฑ์อีกข้อหนึ่ง ได้แก่มีผู้เสียชีวิตจากความหิวโหยหรือการขาดสารอาหารอย่างน้อย 2 คนจากทุก 10,000 คนในทุกๆ วัน นี่เป็นเพียงข้อเดียวที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นในกาซาเวลานี้ จึงทำให้สถานการณ์ยังไม่เข้าสู่ภาวะอดอยากในทางเทคนิค
อารีฟ ฮูเซน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของดับเบิลยูอีเอฟ กล่าวว่า เกณฑ์เรื่องอัตราการเสียชีวิต อาจเกิดขึ้นภายในไม่กี่สัปดาห์นี้
สำหรับองค์การอนามัยโลก (WHO) ออกคำแถลงเตือนว่า การขาดสารอาหารจะส่งผลระยะยาวต่อชีวิตและสุขภาพของประชาชนเป็นแสนๆ โดยเฉพาะเด็ก
ขณะเดียวกัน มูลนิธิบรรเทาทุกข์ ออกซ์แฟม กล่าวหาอิสราเอลยังคงปิดกั้นและบ่อนทำลายการจัดส่งความช่วยเหลือเข้าสู่กาซาอย่างเป็นระบบและโดยเจตนา ซึ่งถือว่า ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
เบธ เบคดอล รองผู้อำนวยการทั่วไปขององค์การอาหารและการเกษตรของยูเอ็น (เอฟเอโอ) เผยว่า ชาวกาซาต้องพึ่งพาแหล่งอาหารทางเลือก ซึ่งรวมถึงอาหารสัตว์และ “สิ่งที่กินไม่ได้”
เจมี แม็กโกลดริก ผู้ประสานงานด้านมนุษยธรรมของยูเอ็นสำหรับดินแดนปาเลสไตน์ เรียกร้องให้เปิดถนนทุกสายเพื่อลำเลียงความช่วยเหลือ ซึ่งรวมถึงดินแดนตอนเหนือและตอนกลางของกาซา
ทางด้าน โจเซฟ บอร์เรลล์ ประธานฝ่ายนโยบายการต่างประเทศของสหภาพยุโรป (อียู) โจมตีว่า อิสราเอลสร้างสถานการณ์ให้เกิดความอดอยากในกาซา เพื่อใช้ความอดอยากเป็นอาวุธในสงคราม
เรื่องนี้ทำให้ อิสราเอล แคตซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศของอิสราเอล ตอบโต้ว่า บอร์เรลล์ควรหยุดโจมตีอิสราเอล และยอมรับสิทธิในการป้องกันตัวเองของอิสราเอลจากอาชญากรรมของฮามาส
แคตซ์สำทับว่า อิสราเอลเปิดทางให้มีการจัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างกว้างขวางเข้าสู่กาซาทั้งทางบก อากาศ และทะเล แต่ความช่วยเหลือดังกล่าวถูกนักรบฮามาสสกัดโดยร่วมมือกับหน่วยงานยูเอ็นอาร์ดับเบิลยูเอของยูเอ็น
การประเมินไอพีซียังเตือนว่า หากอิสราเอลขยายปฏิบัติการเข้าสู่เมืองราฟาห์ทางใต้สุดของฉนวนกาซาตามที่นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู ประกาศไว้ อาจทำให้ชาวกาซากว่าล้านคนเผชิญความหิวโหยขั้นหายนะและความอดอยากในพื้นที่ตอนใต้ของกาซา
ขณะเดียวกัน เมื่อวันจันทร์ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้หารือทางโทรศัพท์กับเนทันยาฮูเป็นครั้งแรกในรอบกว่าเดือน ซึ่งผู้นำอิสราเอลตอบรับข้อเรียกร้องในการส่งคณะผู้แทนไปยังวอชิงตันเพื่อหารือเกี่ยวกับวิธีจัดการฮามาสโดยไม่ต้องบุกภาคพื้นดินครั้งใหญ่เข้าสู่ราฟาห์ พร้อมเตือนว่า การดำเนินการดังกล่าวจะถือเป็นความผิดพลาด
ผู้นำสหรัฐฯ ยังย้ำความจำเป็นในการหยุดยิงนานหลายสัปดาห์ทันทีเพื่อช่วยตัวประกันและเพิ่มการจัดส่งความช่วยเหลือให้แก่พลเรือนในกาซา
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์)