ชาติตะวันตกแห่ประณามผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซียว่า “ไม่แฟร์” และ “ไม่เป็นประชาธิปไตย” ขณะที่ผู้นำจีน อินเดีย และซาอุดีอาระเบียร่วมแสดงความยินดีกับประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน หลังคว้าชัยชนะแบบแลนด์สไลด์ เตรียมรั้งอำนาจปกครองแดนหมีขาวต่อไปยาวๆ อีก 6 ปี
ปฏิกิริยาตอบสนองที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงนี้สะท้อนถึงรอยแยกทางภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ขยายกว้างขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่รัสเซียส่งกองทัพรุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ปี 2022 และนำมอสโกเข้าสู่วิกฤตด้านความสัมพันธ์กับตะวันตกครั้งใหญ่ที่สุดในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
ระหว่างการประชุมที่กรุงบรัสเซลส์เมื่อวันจันทร์ (18 มี.ค.) บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศของสหภาพยุโรป (อียู) ต่างวิพากษ์วิจารณ์ผลการเลือกตั้งรัสเซียว่าเป็น “ของปลอม” ก่อนจะลงมติเห็นพ้องคว่ำบาตรกลุ่มบุคคลซึ่งเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ อเล็กเซ นาวาลนี อดีตแกนนำฝ่ายค้านคู่ปรับคนสำคัญของปูติน
“การเลือกตั้งในรัสเซียเป็นการเลือกตั้งที่ปราศจากตัวเลือก” อันนาเลนา แบร์บ็อค รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี กล่าวในช่วงต้นการประชุม ขณะที่ สเตฟาน เซฌูร์เน รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ระบุว่า ปารีสตระหนักดีว่านี่คือ “ปฏิบัติการพิเศษด้านการเลือกตั้ง” (special election operation) โดยมีเจตนาล้อเลียนมอสโกที่พยายามเลี่ยงบาลีใช้คำว่า “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” (special military operation) ในการรุกรานยูเครน
“เงื่อนไขสำหรับการเลือกตั้งที่เสรี มีความเป็นพหุนิยม และเป็นประชาธิปไตยไม่ได้เกิดขึ้น” กระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศส ระบุในคำแถลง
ด้าน เดวิด คาเมรอน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ ชี้ว่าผลการเลือกตั้งครั้งนี้สะท้อนให้เห็นชัดเจนถึง “ระดับการกดขี่” ที่เกิดขึ้นในรัสเซีย
“ปูติน กำจัดศัตรูทางการเมืองออกไปจนหมดสิ้น ควบคุมสื่อมวลชน และสวมมงกุฎให้ตนเองเป็นผู้ชนะ นี่ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย” เขากล่าว
ฝรั่งเศส อังกฤษ และอีกหลายชาติยังประณามรัสเซียที่จัดการเลือกตั้งภายในดินแดนยูเครนซึ่งถูกกองทัพมอสโกยึดครองและอ้างว่าถูก “ผนวก” เป็นของรัสเซียแล้วในช่วง 2 ปีเศษที่ผ่านมา
ทำเนียบเครมลินแสดงท่าทีไม่ยี่หระต่อเสียงติเตียนเหล่านี้ โดยระบุว่า ปูติน ได้รับคะแนนโหวตจากชาวรัสเซียแบบถล่มทลายถึง 87% ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่าคนรัสเซียยังคงมอบความไว้วางใจให้แก่เขาอย่างเต็มที
ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ชี้ว่าผลการเลือกตั้งในรัสเซีย “ปราศจากความชอบธรรมทางกฎหมาย” ขณะที่ โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ มีเพียงโฆษกทำเนียบขาวที่ออกมาแถลงเมื่อวันอาทิตย์ (17) ว่า ศึกเลือกตั้งรัสเซีย “ไม่เสรีและไม่แฟร์อย่างแน่นอน”
ในอีกด้านหนึ่ง ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนได้กล่าวแสดงความยินดีกับ ปูติน และยืนยันว่าปักกิ่งจะยังคงมีปฏิสัมพันธ์กับมอสโกอย่างใกล้ชิดต่อไป เพื่อส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนที่ “ไร้ขีดจำกัด” ตามที่ผู้นำทั้งสองได้ตกลงกันไว้เมื่อปี 2022 ก่อนที่รัสเซียจะบุกยูเครนเพียงไม่กี่วัน
“ผมเชื่อว่าภายใต้การนำของท่าน รัสเซียจะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในด้านการพัฒนาและการสร้างชาติบ้านเมือง” สำนักข่าวซินหวาอ้างข้อความอวยพรที่ สี ส่งถึง ปูติน
เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ทรงต่อสายโทรศัพท์ไปแสดงความยินดีที่ ปูติน ชนะศึกเลือกตั้ง “อย่างเด็ดขาด” โดยทำเนียบเครมลินระบุว่า ผู้นำทั้งสองต่างยืนยันความพร้อมที่จะสานต่อ “ความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพ” ภายในกลุ่มชาติผู้ผลิตน้ำมัน OPEC+
ด้านนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี แห่งอินเดียก็ส่งสารในทำนองเดียวกันว่า รัฐบาลนิวเดลี “รอคอยที่จะยกระดับความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่พิเศษและผ่านการพิสูจน์ด้วยกาลเวลาแล้ว” กับมอสโก
อินเดีย จีน และรัสเซียเป็นสมาชิกกลุ่ม BRICS ซึ่งเป็นกลุ่มความร่วมมือของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ (emerging economies) ที่มุ่งท้าทายการสำแดงอำนาจครอบงำเศรษฐกิจโลกของสหรัฐฯ
คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ และประธานาธิบดี เอบราฮิม ไรซี แห่งอิหร่าน สองชาติซึ่งถูกตะวันตกครหาว่ามีการส่งมอบอาวุธช่วยรัสเซีย ก็ได้ส่งสาส์นแสดงความยินดีแก่ ปูติน เช่นกัน พร้อมย้ำเจตนารมณ์ที่จะยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีกับรัสเซียให้แน่นแฟ้นยิ่งๆ ขึ้นไป
ที่มา : รอยเตอร์
