การประจำการทหารองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ที่นำโดยสหรัฐฯ เข้าสู่สมรภูมิรบในยูเครน อาจโหมกระพือความขัดแย้งระดับโลกเต็มรูปแบบ ผลก็คือสงครามโลกครั้งที่ 3 จากคำเตือนของ อันโตนิโอ ทาจานิ รัฐมนตรีต่างประเทศอิตาลีเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ พร้อมกับปฏิเสธความเป็นไปได้ใดๆ ที่จะส่งทหารของอิตาลี เข้าไปสนับสนุนเคียฟสู้รบกับรัสเซีย
รัฐมนตรีรายนี้แสดงความคิดเห็นเมื่อวันศุกร์ (15 มี.ค.) ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน รอบนอกงานนิทรรศการ LetExpo ในเวโรนา โดยพอถูกถามเกี่ยวกับแนวโน้มความเป็นไปได้ของการประจำการทหารนาโตในยูเครน ทาจานิ รุดปฏิเสธแนวความคิดดังกล่าว
"ผมคิดว่านาโตไม่ควรเข้าไปในยูเครน มันจะเป็นความผิดพลาด เราจำเป็นต้องช่วยยูเครนป้องกันตนเอง แต่การเข้าไปประเทศแห่งนี้เพื่อทำสงครามกับรัสเซีย มันหมายถึงความเสี่ยงของสงครามโลกครั้งที่ 3" รัฐมนตรีต่างประเทศอิตาลีระบุ
นอกจากนี้ ทาจานิ ยังปฏิเสธความเป็นไปได้ใดๆ เกี่ยวกับการส่งทหารของอิตาลีเข้าไปยูเครน และเมื่อถูกถามเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ประเทศสมาชิกอื่นๆ ของนาโตอาจส่งทหารเข้าไปสนับสนุนเคียฟสู้รบกับรัสเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝรั่งเศส รัฐมนตรีต่างประเทศรายนี้ ตอบกลับสั้นๆ ว่า "หวังว่ามันจะไม่เกิดขึ้น"
ถ้อยแถลงจาก ทาจานิ มีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส หยิบยกประเด็นเกี่ยวกับการส่งทหารตะวันตกเข้าไปยังยูเครนขึ้นมาพูดอีกครั้ง ระหว่างให้สัมภาษณ์รอบใหม่กับสถานีโทรทัศน์ TF2 และ France 2
มาครง ให้คำจำกัดความรัสเซียอย่างโต้งๆ ว่าเป็น "ศัตรูของฝรั่งเศส" แต่ขณะเดียวกันก็ยืนยันว่า ปารีสไม่ได้กำลังทำสงครามกับมอสโก และเพียงแค่ให้การสนับสนุนเคียฟในความขัดแย้ง ทั้งนี้ในเรื่องของความเป็นไปได้ในการประจำการทหารเขาไม่ได้กล่าวอย่างเป็นรูปธรรม โดยเน้นย้ำเพียงว่าเขาต้องการรักษาไว้ซึ่งความคลุมเครือเชิงยุทธศาสตร์ และเขามีเหตุผลของตนเองที่ไม่พูดออกมาอย่างชัดเจน
แนวโน้มเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการส่งทหารตะวันตกเข้าไปยังยูเครน ถูกหยิบยกขึ้นมาครั้งแรกโดยประธานาธิบดีฝรั่งเศสรายนี้ เมื่อช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ โดยคราวนั้นเขาบอกว่าแนวคิดดังกล่าวไม่ควรถูกตัดทิ้งโดยสิ้นเชิง
ความเห็นของเขากระตุ้นเสียงปฏิเสธจากบรรดารัฐสมาชิกของกลุ่มพันธมิตรทหารที่นำโดยสหรัฐฯ แห่งนี้ ซึ่งเกือบทั้งหมดคัดค้านแนวคิดดังกล่าว อย่างไรก็ตาม มีรัฐสมาชิกชาติเล็กๆ ในนาโต ในนั้นรวมถึงสมาชิกใหม่อย่างฟินแลนด์ สนับสนุนแนวคิดนี้ของมาครง
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)