ประธานาธิบดี เอมมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส ออกมาตราหน้ารัฐบาลรัสเซียว่าเป็น “ศัตรู” ที่จะไม่หยุดอยู่แค่ยูเครนแน่นอน หากสามารถเอาชนะเคียฟได้ในสงครามที่ยืดเยื้อมานานกว่า 2 ปี พร้อมเตือนเพื่อนบ้านยุโรป “อย่าอ่อนแอ” ต้องเตรียมพร้อมรับมือ
มาครง จุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเมื่อเดือนที่แล้ว หลังไม่ปิดโอกาสส่งทหารราบเข้ายูเครนในอนาคต จนทำให้ผู้นำยุโรปหลายชาติรวมถึงสหรัฐฯ เองต้องส่งสัญญาณ “ปลีกตัว” ไม่แชร์แนวคิดนี้ ขณะที่บางประเทศโดยเฉพาะในยุโรปตะวันออกแสดงท่าทีเห็นด้วย
“หากรัสเซียชนะสงครามครั้งนี้ ความน่าเชื่อถือของยุโรปจะกลายเป็นศูนย์” ผู้นำฝรั่งเศสให้สัมภาษณ์กับสื่อโทรทัศน์ซึ่งมุ่งเป้าหมายไปยังกลุ่มผู้ฟังในประเทศ หลังถูกแกนนำฝ่ายค้านออกมาตำหนิว่าพูดจายั่วยุก้าวร้าวเกินไป
มาครง กล่าวว่าเขา “ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง” กับท่าทีของฝ่ายค้าน พร้อมชี้ว่า “เวลานี้การตัดสินใจงดออกเสียงหรือโหวตคัดค้านการสนับสนุนยูเครน ไม่ใช่การเลือกสันติภาพ แต่เป็นการเลือกความพ่ายแพ้ สองอย่างนี้ไม่เหมือนกัน”
พรรคของ มารีน เลอเปน ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหลักของฝรั่งเศส ตัดสินใจ “งดออกเสียง” ในการโหวตข้อตกลงความมั่นคงที่ฝรั่งเศสทำร่วมกับยูเครน ขณะที่พรรค La France Insoumise ซึ่งชูนโยบายซ้ายจัดโหวตคัดค้าน
“หากสงครามแพร่เข้ามาถึงยุโรป ก็ต้องโทษว่าเป็นความผิดรัสเซีย” มาครง กล่าว “แต่ถ้าเราเลือกที่จะทำตัวอ่อนแอ ถ้าเราตัดสินใจวันนี้ว่าเราจะไม่ตอบโต้ ก็เท่ากับเลือกความพ่ายแพ้ไปแล้ว ซึ่งผมไม่ต้องการเช่นนั้น”
มาครง ย้ำว่า ยุโรปไม่ควรมี “เส้นแดง” (red lines) หรือข้อจำกัดใดๆ ที่จะแสดงความอ่อนแอให้รัสเซียเห็น ซึ่งอาจทำให้มอสโกกล้าที่จะรุกรานดินแดนยูเครนหนักขึ้น แต่ก็ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับแผนการส่งทหารราบเข้าไปในยูเครน
ผู้นำฝรั่งเศสยืนยันว่า ประเทศของเขาจะไม่เป็นฝ่าย “ริเริ่ม” โจมตีรัสเซียก่อน และปารีสไม่ได้เป็นคู่สงครามโดยตรงกับมอสโก แม้ว่าในความเป็นจริงรัสเซียจะกระทำการอันเข้าข่ายโจมตีผลประโยชน์ของฝรั่งเศสทั้งในและนอกประเทศก็ตาม
มาครง ชี้ว่า “ระบอบเครมลินถือเป็นศัตรู” ของฝรั่งเศส โดยเลี่ยงที่จะกล่าวเหมารวมรัสเซียโดยตรง ขณะเดียวกันก็วิจารณ์คำขู่ของ ปูติน เรื่องสงครามนิวเคลียร์ว่า “ไม่เหมาะสม”
ที่มา : รอยเตอร์